ในที่สุดวันที่ต้องออกเดินทางกลับยังป่ากามัยกะก็มาถึง พี่น้องปาณฑร่ำลาฤาษีต่างๆ ที่พำนักอยู่ที่เชิงเขาไกรลาส ฤาษีโลมสาเองก็กล่าวลาพี่น้องปาณฑพเพื่อเดินทางกลับไปยังอมราวดี
การแยกทางของฤาษีโลมสาสร้างความโศกเศร้าให้กับยุธิษเฐียรเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาระหว่างเดินทางฤาษีโลมสาได้เล่าเรื่องราวของสถานที่ต่างๆ ให้ยุธิษเฐียรฟัง ช่วยบรรเทาความน่าเบื่อในแต่ละวันลงไปได้บ้าง จากนั้นทั้งหมดก็ได้เดินทางออกจากที่พำนัก เป้าหมายคือป่ากามัยกะตามที่พระอินทร์ให้คำแนะนำ
พี่น้องปาณฑพและพระนางเทราปที รวมถึงผู้ติดตาม เดินทางมาเป็นระยะทางไกลพอสมควร และตัดสินใจหยุดพักกันที่อาศรมแห่งหนึ่ง
ระหว่างที่ทุกคนกำลังพักผ่อนกันอยู่นั้น ภีมะผู้ชอบออกเดินทางไปสำรวจพื้นที่ต่างๆ ก็ได้ออกเดินทางห่างออกจากอาศรมพอสมควร
ทันใดนั้นเองภีมะก็ได้พบกับงูใหญ่ตัวหนึ่ง และก่อนที่ภีมะจะทันหยิบสิ่งใดมาเป็นอาวุธ งูยักษ์นั้นก็เลื้อยเข้ามาพันตัวของภีมะ และด้วยเหตุอันใดไม่อาจทราบได้ ร่างกายของภีมะเกิดอ่อนแรงไม่สามารถใช้แรงอันมหาศาลของตนได้
งูยักษ์บอกกับภีมะว่า ตนชื่อว่าท้าวนหุษะ แต่เดิมเป็นจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่มีอำนาจปกครองทั้งบนสวรรค์และผืนพิภพ มีอำนาจเทียบเท่าพระอินทร์ แต่ด้วยความที่ตนไปล่วงเกินฤาษีอาคัสตยะ เลยโดนสาปให้ตกจากสวรรค์มากลายร่างเป็นงู อยู่มาจนถึงวันนี้ เฝ้าคอยจับคนที่เดินทางสัญจรมากินเป็นอาหาร
ภีมะคิดในใจว่าเห็นทีวันนี้คงต้องตายด้วยเงื้อมือมัจจุราชที่ชื่อว่าท้าวนหุษะเสียแล้ว แต่ก็อดนึกเสียดายที่ตายไวไป อดทำตามคำสาบานที่จะเข่นฆ่าพี่น้องเการพ รวมถึงทุรโยธน์ให้หมดทุกคน ภีมะแค้นใจที่ในเวลาคับขันเช่นนี้พละกำลังของตนกลับหายไปจนไม่ได้สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น