ในด้านการปกครอง ท้าวปาณฑุปกครองได้อย่างดีเยี่ยม
ทำการรบขยายอาณาเขตไปอย่างต่อเนื่อง ชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ
ในอีกด้านหนึ่ง ท้าวปาณฑุก็โปรดปรานการเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์
เป็นชีวิตจิตใจ ในการเข้าป่าล่าสัตว์แต่ละครั้งท้าวปาณฑุจะพา
พระเมหสีทั้งสองร่วมเสด็จไปด้วย ดูช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขของ
ทั้งสามพระองค์
ในป่าเชิงเขาหิมาลัยนั้น ปรากฏว่ามีฤาษีสองสามีภรรยาอาศัยอยู่ ด้วยความที่ทั้งสองมีความรักใคร่ และชอบปฏิบัติกามกิจอยู่เสมอๆ ครั้นจะอยู่ในรูปคนก็จะเป็นที่อุจาดตาผู้พบเห็น ทั้งสองจึงจำแลงเป็นกวางเพศผู้และเพศเมีย เพราะเห็นว่าเมื่อเป็นสัตว์ก็สามารถจะสมสู่กันเมื่อไหร่ก็ได้
ทั้งสองตระเวณเที่ยวไปทั่วป่า และปฏิบัติกามกิจอย่างอิสระไม่ต้องสนผู้พบเห็น
ในวันหนึ่งระหว่างที่กวางทั้งสองตัวกำลังสมสู่กันอยู่นั้น
ท้าวปาณฑุก็บังเอิญเดินทางมาเจอ ท้าวปาณฑุเห็นเป็นโอกาสดีจึงน้าวคันธนู
ยิงไปที่กวางทั้งสองตัว ลูกธนูเสียบโดนทั้งสองตัวภายในดอกเดียว
กวางทั้งสองตัวก็ล้มลง และกลายร่างเป็นฤาษีตามเดิม
ฤาษีในคราบกวางตัวผู้ก็ได้พูดกับท้าวปาณฑุว่า "เจ้าเป็นคนต่ำช้า
จึงได้มารบกวนเราในยามนี้ เมื่อเจ้ากระทำการอันต่ำช้ากับเราก่อน
เราจึงขอสาปให้เมื่อใดก็ตามที่เจ้าต้องการสมสู่กับเมียของเจ้า เมื่ออวัยวะเพศของเจ้าล่วงเข้าสู่กายของเมียเจ้า เมื่อนั้นความตายจะมาเยือนเจ้าแบบเดียวกับที่เจ้าทำกับข้าวันนี้" เมื่อพูดจบ ฤาษีทั้งสองก็ถึงแก่ความตาย
ท้าวปาณฑุเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้มาก
พระองค์จึงตัดสินใจจะสละราชสมบัติและเดินทางอาศัยในป่าเพื่อบำเพ็ญคุณงามความดีเพื่อไถ่บาป เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น ก็แจ้งต่อข้าราชบริพารที่ตามเสด็จว่าทั้งสามพระองค์จะไม่กลับเมืองหัสตินาปุระอีกต่อไป
Image