เวลาผ่านเนิ่นนาน ราธียะร่ำเรียนวิชาจากภควาจารย์จนหมดสิ้น ความเก่งกาจของราธียะ ถึงขนาดที่ภควาจารย์เอ่ยปากชมราธียะว่าการมีศิษย์เช่นราธียะนับว่าเป็นความสุขอย่างยิ่ง สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับราธียะเป็นอย่างมาก
วันหนึ่งระหว่างที่ทั้งศิษย์อาจารย์เดินทางอยู่นั้น แสงแดดช่างแผดเผาจนทั้งสองเหน็ดเหนื่อย ภควาจารย์จึงเอ่ยปากบอกราธียะว่าขอนั่งพักใต้ร่มไม้ก่อนค่อยเดินทางต่อ ทั้งสองนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ ภควาจารย์ตัดสินใจนอนพักสักงีบจึงมองหาท่อนไม้ที่จะนำมาหนุนเป็นหมอน ราธียะเห็นดังนั้นก็บอกว่า อาจารย์ไม่ต้องลำบากหรอก เชิญท่านอาจารย์มานอนหนุนตักของลูกศิษย์ดีกว่า ภควาจารย์ได้ยินดังนั้นก็ตกลง เอาศีรษะหนุนตักของราธียะแล้วนอนหลับไป
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มีแมลงกินเนื้อตัวใหญ่ปรากฏตัวที่ต้นขาของราธียะ มันกัดกินเนื้อต้นขาของราธียะจนเป็นแผลเหวอะ แต่ด้วยความเกรงใจกลัวภควาจารย์จะตื่น ราธียะจึงได้แต่นั่งนิ่งอดทนต่อไป แมลงกัดกินจนแผลใหญ่มากขึ้น เลือดที่ต้นขาก็ออกมามากขึ้น ราธียะก็อดทนไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด
แมลงกัดกินไปสักพัก เลือดที่ไหลออกมามากก็กระเด็นไปถูกภควาจารย์ ภควาจารย์ตื่นขึ้นมาเห็นเลือดก็ตกใจมาก จึงสอบถามราธียะ ราธียะก็ตอบตามตรงว่าตนเองถูกแมลงกัดแต่ต้องอดทนไว้เพราะกลัวว่าจะรบกวนการนอนของอาจารย์
ภควาจารย์ได้ฟังที่ราธียะพูดยิ่งตกใจ เอ่ยออกมาด้วยเสียงอันดังว่า เจ้าต้องหลอกข้าแน่ๆ ถ้าเจ้าเป็นววรณะพราหมณ์จริง จะไม่สามารถอดทนเรื่องเช่นนี้ได้แน่นอน เจ้าต้องเป็นวรรณะกษัตริย์ วรรณะที่ข้าจงเกลียดจงชังเป็นแน่แท้
ในเมื่อเจ้าหลอกลวงข้าให้สอนวิชาโดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเจ้าเองเป็นวรรณะกษัตริย์ ข้าก็ขอสาปให้ในวันใดก็ตามที่เจ้าถึงคราวคับขัน จวนเจียนที่จะต้องตาย เจ้าจะลืมวิชาที่ข้าสอนจนหมด!
พูดจบก็เดินทางจากไปอย่างหัวเสีย ทิ้งราธียะผู้ถูกคำสาปให้เสียใจอยู่เพียงลำพัง
Image