ในที่สุด วันที่จัดพิธีแต่งงานก็มาถึง ท้าวทรุปัทซึ่งได้พูดคุยกับลูกชายจนมั่นใจว่าแท้ที่จริงพราหมณ์ทั้งห้านี่คือภารดาปาณฑพอย่างแน่นอน จึงจัดพิธีแต่งงานให้อย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติของพี่น้องปาณฑพ
ในเบื้องต้นก่อนจะเริ่มพิธี ท้าวทรุปัทเอ่ยปากถามยุธิษเฐียร ผู้ซึ่งได้ชื่อว่ามีความเที่ยงธรรมและไม่พูดปดเลยแม้สักครั้งในชีวิต ว่า "ข้ามองดูก็รู้ว่าพวกท่านไม่ใช่พราหมณ์อย่างแน่นอน แท้จริงแล้วพวกท่านเป็นใครกันแน่"
ยุธิษเฐียรเห็นว่าเวลาและโอกาสเหมาะสม จึงยอมรับไปตามตรงว่า แท้ที่จริงแล้ว พวกตนคือภารดาปาณฑพที่ปลอมตัวมาเป็นพราหมณ์เพื่อหลีกหนีจากการตามสังหารโดยทุรโยธน์
หลังจากยุธิษเฐียรกล่าวจบ ทุกคนในงาน โดยเฉพาะท้าวทรุปัทก็ตกใจเมื่อได้ทราบความจริง แม้ว่าจะตรงตามที่สงสัยก็ตาม แต่อาการที่ตามมาหลังจากตกใจคือ ดีใจ เพราะได้รู้ว่าในที่สุด ตนก็ได้อรชุนมาเป็นลูกเขยจนได้
หลังจากนั้น ก็มีการแนะนำตัวกันเสร็จสิ้น ยุธิษเฐียรก็เอ่ยเงื่อนไขในการแต่งงานกับพระนางเทราปทีว่า "พระนางเทราปทีต้องแต่งงานกับพี่น้องปาณฑพทั้งห้าคน" เมื่อได้ยินข้อเสนอ ในตอนแรกท้าวทรุปัทก็ไม่ตกลง จนท้ายที่สุดต้องเดือดร้อนฤาษีวยาสมาเกลี้ยกล่อมให้ท้าวทรุปัทยอมรับเงื่อนไขแต่โดยดี
หลังจบงานแต่งงาน ท้าวทรุปัทได้บอกกับยุธิษเฐียรว่า ต่อแต่นี้ไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ และไม่ต้องกลัวราชสำนักหัสตินาปุระอีกต่อไป ให้ยุธิษเฐียรขึ้นครองแคว้นปัญจาละแทนตน แม้ว่าจะถูกแบ่งครึ่งกับโทรณาจารย์ไปแล้ว แต่ก็ยังมีอาณาเขตกว้างขวาง และมีกองทัพที่ยิ่งใหญ่อยู่ดี แต่ทางยุธิษเฐียรปฏิเสธและขอให้ท้าวทรุปัทครองราชสมบัติตามเดิม
Image