เมื่อฤาษีนารทเดินทางมาถึงเมืองอินทรปรัสถ์ ยุธิษเฐียรที่รู้ข่าวก็เดินทางมาต้อนรับอย่างดี ยุธิษเฐียรพาฤาษีนารทเดินทางไปเข้าชมปราสาท ราชวัง และที่ขาดไม่ได้คือมายาสภา ซึ่งมีความวิจิตรตระการตาอย่างที่ร่ำลือ
ฤาษีนารทพึงพอใจกับการพาเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ของยุธิษเฐียรเป็นอย่างมาก เมื่อจบการเยี่ยมชม ทั้งสองก็นั่งพักที่ท้องพระโรงในพระมหาราชวัง ยุธิษเฐียรไถ่ถามถึงการเดินทางของฤาษีนารท ว่าการเดินทางของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ได้ยินว่าท่านได้เดินทางไปยังสามโลก ทั้งสวรรค์ บาดาล และโลกมนุษย์
ฤาษีนารทกล่าวว่า นี่คืออีกสาเหตุที่ตนตั้งใจเดินทางมาที่นี่ เนื่องจากในระหว่างที่ตนเดินทางไปยังเมืองบาดาล (ซึ่งก็เปรียบเสมือน นรก ของศาสนาเรา) เราได้พบกับพระราชาปาณฑุ ผู้ซึ่งเป็นพระบิดาของพระองค์ พระราชาปาณฑุต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในเมืองบาดาล เนื่องจากแรงกุศลของตนและลูกหลานไม่เพียงพอที่จะส่งให้ไปอยู่บนสวรรค์ได้ พระราชาปาณฑุอยากให้ทางยุธิษเฐียร ผู้ซึ่งตอนนี้ก็ได้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แล้ว จัดพิธีราชสูยะ และเมื่อเสร็จพิธี แรงกุศลจะส่งเสริมให้พระราชาปาณฑุได้ไปอยู่ในสวรรค์ วิมานแห่งพระอินทร์
ยุธิษเฐียรได้ฟังดังนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมากที่พระราชาปาณฑุ พระบิดาของตนต้องทนทุกข์ลำบากอยู่ในเมืองบาดาล แทนที่จะเป็นแดนสวรรค์ แต่การจัดพิธีราชสูยะ เป็นพิธีที่ประกาศว่าตนเองเป็นจักพรรดิ์ที่ยิ่งใหญ่ และส่งทหารเดินทางไปกำราบเหล่ากษัตริย์ที่ไม่ยอมรับตน ทั่วทั้ง 4 ทิศ คือ เหนือ ใต้ ออก ตก ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะมีพระราชาที่เก่งกาจมากมายอยู่ทุกสารทิศ
ยุธิษเฐียรถึงกับนำเอาความคิดที่จัดพิธีราชสูยะกลับไปคิดทุกวันคืน ก็คิดไม่ตก จึงตัดสินใจส่งสารเพื่อเชิญพระกฤษณะผู้เป็นทั้งสหายและที่ปรึกษา ขอให้เดินทางจากเมืองทวารกามาให้คำปรึกษาเรื่องพิธีราชสูยะ และความเป็นไปได้ที่จะจัดพิธีว่ามีโอกาสสำเร็จมากน้อยเพียงไหน