ก่อนการเดินทางมาแคว้นมคธ พระกฤษณะหารือกับอรชุน และภีมะว่า อย่างที่เคยอธิบายว่า การสู้รบด้วยกำลังกับท้าวชราสันธ์แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชนะ เนื่องจากความเก่งกาจของท้าวชราสันธ์ พระกฤษณะเอ่ยเปรียบเปรยว่า ต่อให้กองทัพของพระอินทร์เองก็ไม่อาจจะเอาชนะท้าวชราสันธ์ได้
อรชุนได้ยินดังนั้นก็ถามพระกฤษณะว่า แล้วมีหนทางใดบ้างที่จะสามารถเอาชนะท้าวชราสันธ์ได้ พระกฤษณะก็ตอบตามตรงว่า คงมีแต่ต้องท้าประลองแบบตัวต่อตัวเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสเอาชนะได้ ถ้าพวกเราเดินทางกันไปท้าประลองกับท้าวชราสันธ์ และบอกให้เลือกเอาหนึ่งในพวกเราเป็นคู่ท้าประลอง ท้าวชราสันธ์คงเลือกภีมะเป็นคู่ประลองแน่ๆ เนื่องจากภีมะมีรูปร่างใหญ่โต น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เทียบเท่ากัน
ภีมะได้ยินเช่นนั้น ก็เอ่ยปากว่าจะสู้อย่างเต็มที่เพื่อจัดการกับท้าวชราสันธ์ให้ได้ แม้จะต้องใช้พละกำลังสักเพียงไหน อรชุนและพระกฤษณะก็เห็นด้วยกับแผนนี้
ทั้งสามแต่งตัวเป็นพราหมณ์แอบเดินทางไปถึงแคว้นมคธ เมื่อเข้าถึงเมืองหลวง แม้ว่าทั้งสามจะแต่งตัวเป็นพราหมณ์แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจจากชาวเมือง เนื่องจากท่าทางการเดิน หรือความองอาจที่แสดงออกมา ดูไม่เหมือนคนในวรรณะพราหมณ์ แต่เหมือนคนในวรรณะกษัตริย์มากกว่า
เมื่อสืบเสาะหาพระราชวังเจอ ทั้งสามก็กระโดดข้ามกำแพงพระราชวังเข้าไป เมื่อพบเจอกับทหารก็แจ้งกับทหารว่าต้องการพบกับท้าวชราสันธ์ แต่ขณะนั้นท้าวชราสันธ์กำลังทำพิธีบูชาพระศิวะอยู่ จึงให้ทั้งสามรออยู่ที่ห้องรับรองเสียก่อน
ในระหว่างที่กำลังรอท้าวชราสันธ์ทำพิธีอยู่นั้น พระกฤษณะก็เล่าเรื่องราวชีวิตอันน่ามหัศจรรย์ของท้าวชราสันธ์ให้ทั้งอรชุนและภีมะฟัง