หลังจากที่ท้าวพฤหัสรถ สั่งให้ทหารนำพระโอรสไปทิ้งไว้ที่กลางป่า เพื่อให้สัตว์ร้ายมากัดกินนั้น ได้ปรากฏนางยักษ์ตนหนึ่ง นามว่านางยักษ์จารา เดินออกมาหาเหยื่อเพื่อนำไปเป็นอาหาร
นางยักษ์จาราได้กลิ่นของมนุษย์มาแต่ไกล จึงเดินตามกลิ่นมาได้พบกับพระโอรสของท้าวพฤหัสรถ ที่ถูกทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ ร่างกายแยกออกเป็นสองซีกอย่างน่าเวทนา นางยักษ์ดีใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นโอกาสที่จะได้กินเนื้อมนุษย์ที่ยังเป็นๆ นางจึงได้หยิบพระโอรสที่แยกออกเป็นสองชิ้นขึ้นมา แล้วนำมาประกบกันเพื่อให้สะดวกในการนำพากลับไปยังที่พัก
ทันใดนั้นเองปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น พระโอรสที่ถูกประกบ กลับต่อกันเป็นเนื้อเดียวกันจบกลายเป็นทารกที่สมบูรณ์ นางยักษ์จาราก็ตกใจมากที่เหตุการณ์เป็นแบบนั้น จึงตัดสินใจไม่กินพระโอรสอีกแล้ว นางยักษ์จาราจึงเดินทางเข้าเมืองเพื่อแจ้งต่อท้าวพฤหัสรถว่า พระโอรสของพระองค์ได้กลับกลายมามีชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว
เมื่อนางยักษ์ได้เข้าเฝ้าท้าวพฤหัสรถ และคืนพระโอรสให้ ท้าวพฤหัสรถดีใจเป็นอย่างมาก ถึงกลับตั้งชื่อพระโอรสว่า ชราสันธ์ ซึ่งหมายถึงถูกประกอบโดยนางจารา (บางครั้งเรียกว่าจราสันธ์ ก็มาจากสาเหตุนี้เอง)
ในตอนนั้นเองฤาษีจันทาเกาษิกะ ก็ปรากฏตัวในท้องพระโรง และบอกกับท้าวพฤหัสรถว่า พระโอรสชราสันธ์จะเป็นผู้ได้รับพรพิเศษจากสวรรค์ จะไม่มีมนุษย์คนใดสามารถสังหารได้ สร้างความยินดีให้กับท้าวพฤหัสรถเป็นอย่างมาก
ปล. ท้าวชราสันธ์เติบโตเป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ปกครองบ้านเมืองอย่างมั่นคงเป็นปึกแผ่น และมีพันธมิตรมากมาย แถมยังเป็นผู้บูชาพระศิวะอย่างยิ่งยวด ท้าวชราสันธ์มีลูกเขยชื่อท้าวกังสะ ซึ่งถูกพระกฤษณะสังหาร ทำให้ท้าวชราสันธ์เคียดแค้นพระกฤษณะเป็นอย่างมากถึงกับยกทัพมาบุกเมืองมถุราถึง 18 ครั้ง จนพระกฤษณะต้องย้ายเมืองหลวงไปเมืองทวารกา เพื่อให้ห่างจากท้าวชราสันธ์ถึง 100 โยชน์