แม้ว่าได้อรชุนจะปฏิเสธเสียงแข็ง นางอุรวศีก็ยังไม่ยอมแพ้ นางกล่าวกับอรชุนว่า สิ่งที่อรชุนคิดนั้นไม่จำเป็นเลย ด้วยนางเป็นนางอัปสร มีหน้าที่ให้ความสุขกับเทพทั้งหลายอยู่แล้ว มาเถิดอรชุน เมื่อข้าพึงตาต้องใจท่าน ท่านเองก็อย่าได้ปฏิเสธอีกเลย
อรชุนก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธนางอุรวศีอยู่ดี นางอุรวศีเห็นท่าทีของอรชุนที่ไม่ยอมรับข้อเสนอเสียทีก็กลับกลายเป็นโกรธจัด
นางอุรวศีจ้องมองอรชุน แล้วกล่าวกับอรชุนว่า ในบรรดานางอัปสร ตัวนางเองก็ได้ชื่อว่าเป็นนางอัปสรที่มีสเน่ห์ และหน้าตารูปโฉมงดงามที่สุดคนหนึ่ง ในเมื่อถูกตาต้องใจท่าน แต่ท่านยังปฏิเสธ คงเป็นเพราะท่านไม่ได้มีจิตใจที่เป็นบุรุษเป็นแน่ เช่นนี้ข้าขอสาปให้นับแต่บัดนี้เจ้าจงกลายเป็นสตรีเสียเถิด
อรชุนได้รับฟังดังนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก รีบกล่าวขอโทษนางอุรวศี และขอให้ถอนคำสาปเสีย แต่นางอุรวศีสะบัดหน้าหนีไปเสียแล้ว
อรชุนเดินทางไปร้องขอให้พระอินทร์ช่วยเหลือ พระอินทร์รีบเดินทางไปหานางอุรวศีแล้วเกลี้ยกล่อมให้นางถอนคำสาปเสีย แต่นางอุรวศีไม่ยอมถอนคำสาป
พระอินทร์ขอร้องอยู่นานสองนาน นางอุรวศีเริ่มใจอ่อน จึงยอมลดคำสาปจากเดิมให้อรชุนเป็นสตรีตลอดไป เหลือเพียงปีเดียว
เมื่อพระอินทร์กับอรชุนปรึกษากัน ก็ได้แนวทางการใช้คำสาปให้เกิดประโยชน์ โดยทั้งสองตกลงจะใช้คำสาปในช่วงปีที่ 13 ที่ถูกเนรเทศ ซึ่งอรชุนจำเป็นจะต้องแอบซ่อนตัว การที่สามารถปลอมตัวเป็นสตรี จะช่วยให้การซ่อนตัวนั้นง่ายขึ้นอย่างแน่นอน