ยิ่งใกล้ถึงวันพิธีราชสูยะ กรุงอินทรปรัศถ์ก็ได้ต้อนรับกษัตริย์แว่นแคว้นต่างๆ ที่เดินทางมาเพื่อเข้าร่วมพิธีที่สำคัญนี้ตามที่ได้รับคำเชิญชวนจากพี่น้องปาณฑพไม่ว่าจะด้วยการเชื้อเชิญอย่างดี หรือยอมศิโรราบจากการรบก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตามกษัตริย์ทั้งหลายไม่ได้มามือเปล่า แต่นำของขวัญ และเครื่องบรรณาการจำนวนมาก เดินทางมาด้วยเพื่อมอบให้ยุธิษเฐียรอีกด้วย
ส่วนพระกฤษณะเป็นผู้จัดการหลัก ในการจัดงานในครั้งนี้ และส่วนงานที่ดูแลทรัพย์สมบัติและเครื่องบรรณาการจากกษัตริย์แว่นแควันต่างๆ พระกฤษณะได้มอบหมายได้ทุรโยธน์เป็นผู้ดูแลความเรียบร้อย แม้ทุรโยธน์จะไม่ค่อยพอใจกับความร่ำรวยมั่งคั่งที่เพิ่มพูนขึ้นของพี่น้องปาณฑพ แต่ก็จัดการงานที่ตนได้รับมอบหมายอย่างดี
ในที่สุดวันงานก็มาถึง กษัตริย์และตัวแทนที่ได้รับเชิญก็เข้ามาร่วมพิธีกันอย่างอุ่นหาฝาคั่ง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งราชสำนักหัสตินาปุระ นำโดยท้าวภีษมะ ทุรโยธน์ ท้าวธฤตราษฎร์ โทรณาจารย์ กฤปาจารย์ ศกุนิ ส่วนด้านฝั่งแคว้นทวารกา ก็มีท้าววาสุเทพผู้เป็นบิดาของพระกฤษณะ ตัวพระกฤษณะเอง พระพลราม และกษัตริย์แว่นแคว้นอื่นอีกมากมาย และที่ขาดไม่ได้ ฤาษีนารท ผู้เป็นต้นเรื่องที่ย้ำเตือนให้ยุธิษเฐียรจัดพิธีนี้ขึ้น ก็รู้สึกยินดีมากเป็นพิเศษที่ดูเหมือนว่าพิธีการจะผ่านพ้นไปอย่างไม่มีข้อติดขัดอันใด
ทันใดนั้นเองฤาษีนารทสัมผัสได้ด้วยญาณว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ท้าวยุธิษเฐียรจะเป็นต้นเหตุการทำลายล้างวรรณะกษัตริย์เกือบทั้งหมด โดยมีพระนางเทราปทีเป็นต้นเหตุสำคัญของการขัดแย้งและการทำลายล้าง ฤาษีนารทตกใจมากจึงมองออกไปที่ปะรำพิธีแล้วพบเห็นว่าในอนาคตพระราชาเหล่านี้จะต้องพบจุดจบในสงครามที่น่าสยดสยองและไม่เห็นว่าจะมีทางใดที่จะหลีกเลี่ยงสงครามนี้ได้ ส่งผลให้ฤาษีนารถเศร้าเสียใจถึงกับอยากเดินทางออกจากพิธีไปเสียให้ได้