ใช้เวลาไม่นานนัก สภาแห่งใหม่ก็ถูกจัดสร้างขึ้นที่เมืองชยันตะ ซึ่งถูกจัดทำอย่างประณีตและยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ฝีมือมนุษย์จะสร้างได้ แต่ก็ยังเป็นรองมายาสภาของเมืองอินทร์ปรัศถ์อยู่ส่วนหนึ่ง
เมื่อถึงเวลาอันเป็นสมควร อำมาตย์วิทูรก็เดินทางตามคำสั่งของท้าวธฤตราษฏร์ไปจนถึงเมืองอินทรปรัศถ์ เพื่อขอเข้าเฝ้าท้าวยุธิษเฐียรและเชิญให้พี่น้องปาณฑพรวมถึงพระนางเทราปที เดินทางไปร่วมเฉลิมฉลองการสร้างสภาที่เมืองชยันตะ และเล่นสกาเพื่อความสนุกสนานอีกด้วย
อำมาตย์วิทูร ซึ่งเป็นผู้ตั้งมั่นอยู่ในครรลองคลองธรรม มองเห็นเงื่อนงำของคำเชิญนี้ จึงเตือนท้าวยุธิษเฐียรว่า เรื่องการเฉลิมฉลองสภาแห่งใหม่เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อเชิญท้าวยุธิษเฐียรไปเล่นสกาเสียมากกว่า ท้าวยุธิษเฐียรก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของวิทูร แต่ก็ยังยืนยันจะเดินทางไปตามคำเชื้อเชิญ
โดยที่ท้าวยุธิษเฐียรมองว่าเมื่อตนเกิดในวรรณะกษัตริย์ เมื่อมีการท้าทายกันเกิดขึ้น คนในวรรณะกษัตริย์ก็ทำได้เพียงรับคำท้าเท่านั้น หากตนไม่ยอมรับคำท้าของทุรโยธน์ นั่นหมายถึงตนเป็นคนขี้ขลาด และจะทำให้ตนและพี่น้องต้องอยู่อย่างอับอาย รวมถึงเสื่อมเสียชื่อเสียงไปจนถึงวงศ์ตระกูลอีกด้วย
อำมาตย์วิทูรวิเคราะห์เพิ่มว่า ทุรโยธน์น่าจะส่งศกุนิผู้เป็นลุง ซึ่งเป็นผู้ช่ำชองทางด้านการเล่นสกา มาแข่งกับท้าวยุธิษเฐียรแทนตนเองเป็นแน่ เห็นทีการพนันครั้งนี้ มีโอกาสน้อยมากที่ท้าวยุธิษเฐียรจะเป็นผู้ชนะ ท้าวยุธิษเฐียรก็บอกกับอำมาตย์วิทูรว่า ตนเองก็มีความสามารถในการเล่นสกาเช่นเดียวกัน คงสามารถสู้ศกุนิได้อย่างสูสี ไม่เป็นรอง แต่อย่างไรก็ตาม ต่อให้ตนเองเป็นผู้แพ้ ก็เป็นการเล่นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของพี่น้อง ท้าวยุธิษเฐียรสัญญากับวิทูรว่าจะหยุดเล่นเมื่อถึงเวลาที่สมควร วิทูรเมื่อได้ยินคำตอบจากท้าวยุธิษเฐียรก็ไม่มีคำพูดใดอีก จึงขอลาท้าวยุธิษเฐียรและเดินทางกลับเมืองหัสตินาปุระ
ส่วนท้าวยุธิษเฐียรและพี่น้องปาณฑพที่เหลือ รวมถึงพระนางเทราปทีก็เตรียมตัวเพื่อเดินทางไปเมืองชยันตะ เพื่อร่วมงานเฉลิมฉลองสภาแห่งใหม่ โดยไม่มีใครรู้เลยว่า การเดินทางครั้งนี้ เป็นการเดินทางจากเมืองอินทรปรัศถ์อันแสนยาวนานและต้องประสบพบเจอกับเรื่องราวอีกสารพัด จนเกิดเป็นโศกนาฏกรรมที่ทำลายล้างเหล่ากษัตริย์ทั้งหลายจนแทบไม่เหลือผู้รอดชีวิตเลยทีเดียว