เมื่อท้องพระโรง ถูกจัดให้มีลานสกาอย่างพร้อมสรรพ แขกผู้ใหญ่ซึ่งประกอบไปด้วย ท้าวภีษมะ โทรณาจารย์ กฤปาจารย์ และท้าวธฤตราษฏร์ผู้เป็นประธานในพิธีก็เข้านั่งประจำอาสนะที่ได้จัดเตรียมไว้อย่างดี เพื่อเป็นสักขีพยานในการเดิมพันครั้งนี้ แม้ว่าท้าวธฤตราษฏร์จะตาบอด แต่ก็มีวิทูรนั่งอยู่ด้านข้างเพื่อคอยเล่าสถานการณ์การละเล่นให้ท้าวธฤตราษฏร์ฟัง
ฝั่งของเการพนำโดยทุรโยธน์ ก็เตรียมทรัพย์สมบัติมาเพื่อเป็นเดิมพันอยู่มากมาย และตกลงว่าจะให้ศกุนิเป็นคนเล่นแทนตน ซึ่งยุธิษเฐียรผู้เป็นตัวแทนจากฝั่งปาณฑพก็ยอมรับแต่โดยดี ฝั่งปาณฑพมีพี่น้องปาณฑพทั้งห้าเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ ส่วนพระนางเทราปทีประทับอยู่ในที่พักไม่ได้มาร่วมในพิธีแต่อย่างใด
เมื่อเกมเริ่มขึ้น ทั้งทุรโยธน์และยุธิษเฐียร ก็นำทรัพย์สินมาเป็นเครื่องเดิมพันตามกฏกติกา เมื่อถึงเวลาต้องโยนเต๋าก็เป็นหน้าที่ของศกุนิ หลังจากที่ศกุนิโยนเต๋าเสร็จ ก็กล่าวด้วยเสียงอันดังลั่นว่า "ข้าชนะ" ทันใดนั้นเองเสียงหัวเราะของทุรโยธน์ก็ดังขึ้น เพราะความสะใจที่ได้ทรัพย์ของยุธิษเฐียรมาเป็นของตน
ยุธิษเฐียรก็ยังไม่ยอมแพ้ เริ่มพนันครั้งต่อไป แต่ก็เสียพนันให้ทุรโยธน์อีก เมื่อนำทรัพย์สมบัติมาวางเดิมพันอีก ก็ยังเสียให้กับทุรโยธน์อีก จนท้องพระโรงเต็มไปด้วยเสียงของศกุนิว่า "ข้าชนะ ข้าชนะ และข้าชนะ"
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน แต่ทรัพย์สมบัติที่ยุธิษเฐียรนำมาก็เริ่มร่อยหรอลงเรื่อยๆ เพราะไม่มีแม้แต่เพียงครั้งเดียวที่ยุธิษเฐียรจะชนะพนัน จนในที่สุดก็เหลือทรัพย์สมบัติกองสุดท้ายที่จะนำมาเป็นเดิมพันได้ ยุธิษเฐียรก็วางเดิมพัน และหวังว่าตนจะชนะเดิมพันในครั้งนี้
แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ยังคงเป็นศกุนิที่ทอดลูกเต๋าแล้วเอาชนะยุธิษเฐียร ได้อีกเช่นเคย ทำให้ในตอนนี้ทรัพย์สมบัติที่ยุธิษเฐียรนำมาจากอินทรปรัศถ์ ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติเดิมของพี่น้องปาณฑพรวมกับทรัพย์สมบัติอันมหาศาลที่ได้รับจากเหล่ากษัตริย์ทั้งหลายที่มาร่วมในงานราชสูยะ ตกเป็นของทุรโยธน์ทั้งหมด
ส่งผลให้ตอนนี้ ยุธิษเฐียรแพ้พนันสกาจนไม่เหลือทรัพย์สมบัติติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว