หลังจากที่ท้าวธฤตราษฏร์ได้รับฟังคำเตือนของฤาษีนารท ก็ทรงกังวลอยู่ตลอดเวลาด้วยพระองค์ห่วงใยลูกๆ ของตนจะไม่พ้นจากคำสาปอันน่ากลัวของภีมะ หลังจากผ่านไปหลายวันพระองค์ก็เริ่มทนไม่ไหว จึงรับสั่งให้เรียกมหาอำมาตย์วิทูร ผู้เป็นที่ปรึกษาของพระองค์ในทุกเรื่องเข้ามารับฟังคำปรึกษา
เมื่อวิทูรได้ยินเรื่องราว วิทูรก็ยิ่งเห็นด้วยกับฤาษีนารท ว่าท้าวธฤตราษฏร์นั้นทำผิด และตามใจทุรโยธน์มากเกินไป จนผลสุดท้ายต้องลงเอยด้วยความแตกร้าวในตระกูลเช่นนี้ วิทูรยังกล่าวอีกว่า ที่พี่น้องปาณฑพทั้งหลายต้องเป็นเหยื่อของความอยุติธรรมนี้ มีต้นเหตุจากการตัดสินใจของท้าวธฤตราษฏร์โดยแท้
ท้าวธฤตราษฏร์เมื่อได้ยินคำพูดจากปากวิทูรเช่นนั้น จากที่กังวลอยู่แล้ว ยิ่งเป็นการตอกย้ำเข้าไปอีกว่าพระองค์นั้นทำผิดพลาดไปแล้ว ยิ่งทำให้พระองค์เสียใจ และรู้สึกโกรธที่วิทูร ซึ่งควรเข้าใจตนและเข้าข้างตนมากกว่าใครในโลกนี้ กลับเข้าข้างคนอื่นเช่นพี่น้องปาณฑพ
พระองค์พูดออกไปว่า ตนเข้าใจว่าตัดสินใจผิดไปแล้ว แต่จะให้ทำอย่างไรได้ จะให้ยอมหักใจไม่เข้าข้างลูกชายของตนแล้วไปเข้าข้างหลานๆ เช่นพี่น้องปาณฑพก็ทำไม่ได้
จากนั้น ท้าวธฤตราษฏร์ก็พูดต่อว่าวิทูรว่า แทนที่จะให้คำปรึกษาเป็นที่พึ่งพาในยามที่ตนต้องการ แต่กลับไปเอาใจออกห่างไปเข้าข้างหลานชายซึ่งไม่ได้อยู่ดูแลกันมา เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้ารักพวกมันนักก็ให้ออกจากราชสำนักหัสตินาปุระไปเสีย ไปติดตามพี่น้องปาณฑพนั่นอยู่ในป่าเสีย แล้วไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีกต่อไป
มหาอำมาตย์วิทูรได้ยินดังนั้นก็เข้าใจแล้วว่าท้าวธฤตราษฏร์ไล่ตนออกจากราชสำนักแล้ว ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของวิทูร ซึ่งตั้งใจจะไปร่วมทุกข์กับพี่น้องปาณฑพเช่นกัน เมื่อเป็นดังนั้น วิทูรจึงเก็บข้าวของสัมภาระ แล้วเดินทางออกจากเมืองทันที เพื่อติดตามพี่น้องปาณฑพซึ่งตอนนี้ตั้งหลักอยู่ที่ป่ากามัยกะไม่ไกลจากเมืองหัสตินาปุระ