อภิมันยุเป็นลูกของอรชุนกับพระนางสุภัทรา อภิมันยุเก่งกาจในการยิงธนูเทียบเท่าอรชุน เข้าร่วมสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรในกองทัพปาณฑพ เป็นนักรบที่เก่งกาจที่สุดคนหนึ่งของฝั่งปาณฑพ
พระกฤษณะเป็นอวตารของพระวิศณุและ เป็นญาติฝ่ายมารดาของผ่ายปาณฑพ มีความสนิทสนมกับอรชุน เป็นพิเศษ ในสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร พระกฤษณะให้คำสัญญาว่าจะไม่เข้าร่วมรบกับฝ่ายปาณฑพ แต่จะทำหน้าที่เป็นเพียงสารถีให้กับอรชุนเท่านั้น ในระหว่างสงคราม ด้วยการชี้นำของพระกฤษณะ ทำให้อรชุน ปราบแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของฝ่ายเการพ และชนะสงครามในที่สุด
อรชุนเป็นลูกของพระอินทร์ที่ประทานให้พระนางกุนตี เป็นน้องชายของยุธิษเฐียรกับภีมะ และยังเป็นพี่ชายของนกุลกับสหเทพ เมื่อครั้งที่ได้เล่าเรียนกับโทรณาจารย์ ก็เป็นศิษย์ที่อาจารย์รักมากกว่าใคร เนื่องจากมีฝีมือการยิงธนูที่เก่งกาจ อรชุนไม่ถูกกับกรรณะเป็นพิเศษ ถึงขั้นที่ต่างฝ่ายต่างสาบานว่า จะฆ่าฝ่ายตรงข้ามเสียให้ได้
กรรณะเป็นบุตรที่พระนางกุนตีกับพระอาทิตย์ ในครั้งที่กรรณะเกิด มีเสื้อเกราะและตุ้มหูติดกายมาด้วย เมื่อพระนางกุนตีไม่สามารถเลี้ยงดูกรรณะได้ จึงนำกรรณะไปทิ้งที่แม่น้ำ จนนายสารถีและนางราธา มาเก็บไปเลี้ยงจึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า ราธียะ หรือลูกของนางราธา กรรณะมีความเก่งกาจด้านวิชายิงธนูไม่แพ้อรชุน และคอยหาโอกาสประลองเพื่อชิงความเป็นหนึ่งกัน
ท้าวภีษมะ เดิมชื่อเจ้าชายเทวพรต เป็นลูกของพระราชาศานตนุกับพระแม่คงคา เมื่อได้กล่าวคำสาบานว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชบัลลังค์ และจะไม่แต่งงาน จึงได้ชื่อใหม่ว่าภีษมะ ทั้งยังได้รับพรจากพระราชาศานตนุ ว่าจะให้สามารถ มีชีวิตยืนยาวจนถึงวันที่ยินยอมพร้อมตายเองถึงจะตายได้ ท้าวภีษมะเคยมีเรื่องราวกับพระนาง อัมพา จนทำให้พระนางถึงขนาดสาบาน ว่าจะกลับชาติมาเกิดเพื่อเป็นต้นเหตุแห่งความตายของท้าวภีษมะ ในสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร ท้าวภีษมะเป็นผู้บัญชาการของกองทัพเการพ ทั้งที่ไม่เต็มใจนัก เพราะอีกฝั่งก็เป็นหลานของตนเองเช่นเดียวกัน จึงบอกว่าจะเข้าร่วมสงครามโดยไม่สังหารพวกปาณฑพเด็ดขาด
โทรณาจารย์ หรือโทรณะ เป็นอาจารย์สอนวิชาอาวุธของเหล่าเการพ และปาณฑพ เมื่อครั้งยังเด็ก ระหว่างที่เล่าเรียนนั้น โทรณะได้มีเพื่อนรักชื่อทรุปัท หลังจากเล่าเรียนสำเร็จ ก่อนจากกันทรุปัทได้บอกโทรณะว่า เมื่อใดก็ตามที่ต้องการความช่วยเหลือให้มาหาได้ทันที เวลาผ่านไปไม่นาน จนโทรณะแต่งงานมีลูกชาย 1 คนชื่อ อัศวัตถามา มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น โทรณะนึกถึงคำพูดที่เพื่อนเคยบอกไว้ จึงบากหน้าเดินทางไปพบทรุปัท แต่ทรุปัทปฏิเสธการช่วยเหลือ และแสดงทีท่ารังเกียจ ทำให้โทรณะแค้นใจมาก จึงเดินทางมาที่ราชสำนักหัสตินาปุระ สมัครเป็นอาจารย์สอนเหล่าเการพและปาณฑพ โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อจบการศึกษา จะต้องทำสงครามกับท้าวทรุปัทเพื่อแก้แค้นให้ โทรณาจารย์เข้าร่วมสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรในฝั่งเการพ และในวันที่ 15 ได้ถูกธฤษฏัทยุมนะ โอรสของท้าวทรุบท ตัดหัว ตามคำสาบานที่ให้ไว้ว่าจะเกิดมาเพื่อฆ่าโทรณะ
พลดาบผู้ชำนาญการใช้ดาบฟาดฟันฝ่ายตรงข้าม แม้จะมีพลังทำลายไม่มากแต่อาศัยจำนวนเยอะจึงสามารถทำลายล้างทัพศัตรูให้ยับเยิน นอกเสียจากเจอฝ่ายตรงข้ามระดับแม่ทัพเท่านั้น
พลหอกผู้ชำนาญการใช้หอกทิ่งแทงฝ่ายตรงข้าม แม้จะมีพลังทำลายไม่มากแต่อาศัยจำนวนเยอะจึงสามารถทำลายล้างทัพศัตรูให้ยับเยิน นอกเสียจากเจอฝ่ายตรงข้ามระดับแม่ทัพเท่านั้น
พลคฑาผู้ชำนาญการใช้คฑาโจมตีฝ่ายตรงข้าม แม้จะมีพลังทำลายไม่มากแต่อาศัยจำนวนเยอะจึงสามารถทำลายล้างทัพศัตรูให้ยับเยิน นอกเสียจากเจอฝ่ายตรงข้ามระดับแม่ทัพเท่านั้น
ในวันที่ 15 กองทัพปาณฑพวางแผนจะฆ่าโทรณาจารย์ให้ได้ ภีมะจึงฆ่าช้างที่มีชื่อเดียวกับลูกชายของโทรณาจารย์ชื่อ อัศวถามา แล้วปล่อยข่าวว่าอัศวถามา ตายแล้ว เมื่อข่าวได้ยินถึงโทรณาจารย์ โทรณาจารย์ก็ไม่เชื่อจึงถามย้ำกับยุธิษเฐียรว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ยุธิษเฐียรซึ่งตามปกติไม่เคยกล่าวคำโกหกเลยในชีวิต ก็ตอบว่าอัศวถามาตายแล้วจริงๆ เมื่อได้ยินคำตอบของยุธิษเฐียร โทรณาจารย์ก็เสียใจมาก จึงวางอาวุธลงและนั่งบำเพ็ญตบะเพื่อหลุดพ้น จึงเปิดโอกาสให้ธฤษฏะทยุมันเข้าถึงตัวและใช้อาวุธตัดคอโทรณาจารย์ได้ในที่สุด
เมื่อครั้งที่กองทัพเการพยกทัพมาตีเมือง เจ้าชายอัตรารับอาสานำกองกำลังไปต้าน โดยมีอรชุนในร่างของกระเทยชื่อพฤหันนลาเป็นสารถี แต่พอเจ้าชายอัตราได้เห็นกองทัพของเการพที่นำโดยท้าวภีษมะผู้ยิ่งใหญ่ก็เกิดความกลัว ไม่กล้าจะรบด้วยและอยากหนีกลับเมือง ท้ายที่สุดต้องให้พฤหันนลารบแทน โดยที่เจ้าชายอัตราสลับหน้าที่มาเป็นสารถีแทน
ในวันที่ปาณฑพได้ทำพิธีราสูญะ และมีกฤษณะเป็นประธานในพิธี ท้าวศิศุปาละได้ถือโอกาสด่าว่า ดูถูกกฤษณะเป็นอย่างมาก แต่กฤษณะก็ต้องอดทนตามสัญญาที่ให้ไว้ แต่พอครบ 100 ครั้ง กฤษณะก็เรียกจักรสุทัศน์มาตัดคอท้าวศิศุปาละจนตายในที่สุด
ในวันที่ 14 ระหว่างที่ภูริศรวัสทำหน้าที่ป้องกันชัยทรัถอยู่นั้น สาตยกีได้มาท้ารบ ต่างฝ่ายต่างสู้รบกันจนอาวุธพังทั้งคู่ จึงสู้กันต่อด้วยมือเปล่า สาตยกีถูกภูริศรวัสอัดจนสลบไป ในระหว่างที่ภูริศรวัสกำลังจะตัดคอของสาตยกีที่สลบไสลไม่ได้สติ อรชุนก็เข้ามาแทรกและยิงธนูตัดมือของภูริศรวัสทิ้ง อรชุนด่าว่าภูริศรวัสเรื่องที่ทำร้ายคนที่ไม่ได้สติ และเรื่องที่ฝ่ายเการพรุมกันฆ่าอภิมันยุ ภูริศรวัสรู้สึกสำนึกผิดจึงนั่งบำเพ็ญโยคะเพื่อหลุดพ้น ในจังหวะนั้นเองสาตยกีได้สติขึ้นมา จึงวิ่งมาตัดหัวของภูริศรวัสออกโดยที่อรชุนไม่ทันได้ห้ามปราม
ในการรบที่ทุ่งกุรุเกษตรในวันที่ 17 ซึ่งเป็นวันที่กรรณะตัดสินใจจะฆ่าอรชุนให้ได้ กรรณะได้ปรึกษากับกองทัพเการพและเห็นว่าการที่จะชนะอรชุนได้นั้น จำเป็นจะต้องมีสารถีผู้มีความสามารถในการบังคับรถม้าเป็นเลิศ กรรณะจึงขอให้ท้าวศัลยะผู้มีความเก่งกาจในการบังคับรถม้ามาเป็นสารถีให้ตน ในตอนแรกท้าวศัลยะไม่ยอม แต่เมื่อทุรโยธน์เกลี้ยกล่อมก็ยอมทำตามแต่โดยดี
โทรณาจารย์เคยให้สัญญากับอรชุนว่าจะสอนให้อรชุนเป็นนักธนูที่เก่งกาจไม่มีใครเทียบ แต่เมื่อทั้งสองได้เห็นเอกลัพท์ผู้มีผีมือธนูเก่งกาจขนาดที่อรชุนก็ไม่สามารถเทียบได้ อรชุนก็ได้ตำหนิโทรณาจารย์ว่าทำไม่ถูกต้องที่สอนให้เอกลัพท์เก่งกว่าตน โทรณาจารย์ได้ยินดังนั้นก็ขอให้เอกลัพท์ทำคุรุทักษิณา คือ การทำตามคำร้องขอของอาจารย์ ด้วยการให้เอกลัพท์ตัดนิ้วหัวแม่โป้งออกเสีย เอกลัพท์ได้ยินดังนั้นก็ทำการตัดนิ้วหัวแม่โป้งในทันที ทำให้เอกลัพท์ไม่สามารถยิงธนูได้อีก เป็นการตัดทางคู่แข่งของอรชุน และเน้นย้ำให้เห็นว่าในบรรดาศิษย์ทั้งหมด โทรณาจารย์รักอรชุนเป็นที่สุด
สมัยเด็กท้าวทรุปัทเรียนอยู่ที่เดียวกับโทรณาจารย์ ทั้งสองสนิทกันมาก ก่อนที่จะเรียนจบและแยกย้ายกันไปท้าวทรุปัทได้ให้สัญญากับโทรณาจารย์ว่าเมื่อใดที่ตกระกำลำบากให้ไปหาได้ทันที เมื่อผ่านเวลาไปประมาณหนึ่ง โทรณาจารย์มีภรรยาและลูก มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นมาก จึงนึกถึงคำสัญญาที่ท้าวทรุปัทเคยให้ไว้ตอนยังเด็ก แต่เมื่อบากหน้าไปพบท้าวทรุปัท ทุกอย่างกลับตาลปัตร ท้าวทรุปัทนึกรังเกียจและไม่ยอมต้องรับโทรณาจารย์ โทรณาจารย์เก็บความแค้นเอาไว้ในใจ เดินทางไปราชสำนักหัสตินาปุระและพร่ำสอนเหล่าเด็กเการพและปาณฑพ เมื่อสำเร็จวิชาโทรณาจารย์ก็ขอให้เการพและปาณฑพยกทัพมายึดเมืองของท้าวทรุปัท ท้าวทรุปัทรบแพ้กองทัพของอรชุนก็นึกเสียใจว่าทำไมเราถึงไม่มีโอรสที่เก่งกาจเช่นอรชุนบ้าง จึงได้ทำพิธีขอลูกเพื่อให้เกิดมาล้างแค้นแทนตนชื่อว่า ธฤษฏะทยุมัน และพระธิดาชื่อเทราปที (ซึ่งในอนาคตจะเป็นภรรยาของอรชุนและปาณฑพ)
เมื่อครั้งที่ท้าวศานตนุได้เจอกับพระแม่คงคานั้น ได้ให้สัญญาไว้ว่า จะไม่โกรธไม่เกลียดและจะไม่ซักถามเกี่ยวกับสิ่งที่พระแม่คงคาทำทั้งสิ้น หลังจากอยู่กินกับพระแม่คงคาได้ไม่นาน ก็ได้พระโอรสออกมาหนึ่งพระองค์ ท้าวศานตนุดีใจมาก แต่เมื่อจะเสด็จไปหาพระแม่คงคา ปรากฏว่าพระนางนั้นไม่อยู่กับที่ประทับ และกลับทิ้งพระโอรสลงไปในแม่น้ำ โดยทำอย่างนี้กับพระโอรสถึงเจ็ดพระองค์ด้วยกัน แต่เมื่อพระแม่คงคาได้ให้ประสูติพระโอรสองค์ที่แปดออกมาท้าวศานตนุก็ทนไม่ไหวและซักถามพระแม่คงคา พระนางจึงตรัสบอกกับพระองค์ว่าจะนำพระโอรสองค์ที่ 8 (ซึ่งแท้ที่จริงก็คือเทพทยุ ของเหล่าคณะเทพวสุ ที่ถูกสาปให้ลงมาชดใช้กรรมที่พยายามขโมยแม่โคนันทินี) ไปเลี้ยงดูเอง เมื่อทารกเติบใหญ่ได้กลับมาอยู่กับพระราชาศานตนุ มีชื่อว่า "เจ้าชายเทวพรต" ซึ่งจะโตมาเป็น "ท้าวภีษมะ" นักรบผู้ยิ่งใหญ่ในเวลาต่อมา
ในตอนที่ฤาษีวยาสต้องการจะรจนาเรื่องราวของมหากาพย์มหาภารตะนี้ขึ้น แต่ยังขาดผู้ที่จะคอยจดบันทึกให้ พระพรหมจึงแนะนำว่า พระคเณศ ซึ่งเป็นผู้มีปัญญา และสามารถเขียนได้อย่างรวดเร็ว โดยการนี้ฤาษีวยาสจึงเดินทางไปขอให้พระคเณศช่วยเหลือ พระคเณศตอบรับ และวางเงื่อนไขไว้ข้อหนึ่งว่า "เมื่อใดก็ตามที่ข้าพเจ้าลงมือเขียน ท่านจะต้องบอกเล่าโดยไม่สามารถหยุดได้" ฤาษีวยาสจึงรับคำ โดยบอกว่า "สิ่งที่พระคเณศจดนั้น จะต้องเข้าใจเสียก่อน" นั้นจึงทำให้ฤาษีวยาสมีเวลาพัก ระหว่างที่พระคเณศพยายามทำความเข้าในใจเรื่องราวบางช่วงบางตอนที่ดูจะยาก และซับซ้อน
"พระมารดาของเจ้าชายเทวพรต"
พระนางคงคาคือเจ้าแม่คงคาที่ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ ก่อนที่จะลงมาเกิดได้ให้สัญญากับกลุ่มเทพวสุว่าเมื่อเทพวสุมาเกิดในท้องของพระแม่ จะช่วยให้หมดกรรมไวๆ เพื่อที่จะได้กลับไปสวรรค์ดังเดิม ยกเว้นแต่เทพวสุองค์สุดท้ายที่จำเป็นจะต้องใช้กรรมจึงต้องอยู่ในโลกนี้นานกว่าใคร หลังจากที่ภีษมะตายพระนางคงคาก็มารับไปอยู่บนสวรรค์ดังเดิม
"ลูกศิษย์ผู้เก่งกาจของอรชุน"
สายตกีเป็นนักรบผู้เทิดทูนกฤษณะ และลูกศิษย์คนสำคัญของอรชุน สาตยกีเข้าร่วมสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรกับฝ่ายปาณฑพและมีส่วนช่วยให้ชนะสงครามเป็นอย่างมาก ในวันที่ 14 ซึ่งเป็นวันที่อรชุนสาบานจะสังหารท้าวชัยทรัถให้ได้ สาตยกีได้กำจัดภูริศรวัส และเปิดทางให้อรชุนเข้าไปจัดการชัยทรัถได้สำเร็จ สาตยกีเป็นหนึ่งในแปดคนของกองทัพปาณฑพที่รอดชีวิตจากสงครามได้
"บุรุษผู้เกิดมาเพื่อฆ่าโทรณาจารย์"
ธฤษฏะทยุมันเป็นโอรสของท้าวทรุปัท ซึ่งเกิดจากการที่ท้าวทุรปัททำพิธีขอบุตร ธฤษฏะทยุมันเข้าร่วมสงครามในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่ายปาณฑพ และในวันที่ 15 ของสงคราม ธฤษฏะทยุมันก็ได้ฆ่าโทรณาจารย์ได้สำเร็จ หลังจากทุรโยธน์ตายและจบสงครามในวันที่ 18 อัศวัตถามาลูกชายของโทรณาจารย์ได้แอบเข้าค่ายพักของธฤษฏะทยุมันและใช้เชือกรัดคอธฤษฏะทยุมันเพื่อล้างแค้นให้บิดาของตน
"ผู้รจนามหาภารตะ"
ในตอนที่ฤาษีวยาสต้องการจะรจนาเรื่องราวของมหากาพย์มหาภารตะนี้ขึ้น แต่ยังขาดผู้ที่จะคอยจดบันทึกให้ พระพรหมจึงแนะนำว่า พระคเณศ ซึ่งเป็นผู้มีปัญญา และสามารถเขียนได้อย่างรวดเร็ว โดยการนี้ฤาษีวยาสจึงเดินทางไปขอให้พระคเณศช่วยเหลือ พระคเณศตอบรับ และวางเงื่อนไขไว้ข้อหนึ่งว่า"เมื่อใดก็ตามที่ข้าพเจ้าลงมือเขียน ท่านจะต้องบอกเล่าโดยไม่สามารถหยุดได้" ฤาษีวยาสจึงรับคำ โดยบอกว่า "สิ่งที่พระคเณศจดนั้น จะต้องเข้าใจเสียก่อน" นั้นจึงทำให้ฤาษีวยาสมีเวลาพัก ระหว่างที่พระคเณศพยายามทำความเข้าในใจเรื่องราวบางช่วงบางตอนที่ดูจะยาก และซับซ้อน
ฤาษีวยาสเป็นลูกชายของพระนางสัตยวดีกับฤาษีปราศร เมื่อครั้งที่ท้าวภีษมะมีปัญหาเรื่องขาดผู้ดูแลบัลลังค์ของหัสตินาปุระก็ได้จัดพิธีนิโยคโดยมีฤาษีวยาสมาทำพิธีให้ ฤาษีวยาสปรากฏตัวในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ และช่วยให้เรื่องราวที่ยุ่งเหยิงเหมือนไร้ทางออกสามารถผ่านไปได้ด้วยดี และยังเป็นผู้เล่าเรื่องมหาภาระให้พระพิฆเนศวรเป็นผู้จดบันทึกไว้อีกด้วย
"จากเพื่อนรัก กลายเป็นแค้นชั่วชีวิต"
สมัยเด็กท้าวทรุปัทเรียนอยู่ที่เดียวกับโทรณาจารย์ ทั้งสองสนิทกันมาก ก่อนที่จะเรียนจบและแยกย้ายกันไปท้าวทรุปัทได้ให้สัญญากับโทรณาจารย์ว่าเมื่อใดที่ตกระกำลำบากให้ไปหาได้ทันที เมื่อผ่านเวลาไปประมาณหนึ่ง โทรณาจารย์มีภรรยาและลูก มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นมาก จึงนึกถึงคำสัญญาที่ท้าวทรุปัทเคยให้ไว้ตอนยังเด็ก แต่เมื่อบากหน้าไปพบท้าวทรุปัท ทุกอย่างกลับตาลปัตร ท้าวทรุปัทนึกรังเกียจและไม่ยอมต้องรับโทรณาจารย์ โทรณาจารย์เก็บความแค้นเอาไว้ในใจ เดินทางไปราชสำนักหัสตินาปุระและพร่ำสอนเหล่าเด็กเการพและปาณฑพ เมื่อสำเร็จวิชาโทรณาจารย์ก็ขอให้เการพและปาณฑพยกทัพมายึดเมืองของท้าวทรุปัท ท้าวทรุปัทรบแพ้กองทัพของอรชุนก็นึกเสียใจว่าทำไมเราถึงไม่มีโอรสที่เก่งกาจเช่นอรชุนบ้าง จึงได้ทำพิธีขอลูกเพื่อให้เกิดมาล้างแค้นแทนตน ท้าวทรุปัทถูกโทรณาจารย์ฆ่าตายในการรบที่ทุ่งกุรุเกษตรในวันที่ 15
"พี่ชายของกฤษณะผู้เกลียดความอยุติธรรม"
พลรามเป็นพี่ชายของกฤษณะ และปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรในฝั่งใด ในวันที่ 18 เมื่อภีมะประลองกับทุรโยธน์ ภีมะได้ใช่คฑาฟาดไปที่ต้นขาของทุรโยธน์จนถึงแก่ความตาย พลรามโกรธมากเนื่องจากผิดจากข้อตกลงในการสู้ จนถึงขั้นจะใช้คันไถเข้าฟาดภีมะ แต่กฤษณะห้ามไม้โดยให้เหตุผลว่าฝั่งทุรโยธน์ทำผิดกติกามาตลอด
"คุณลุงผู้เข้าร่วมสงครามสู้กับหลานตนเอง"
ท้าวศัลยะเป็นพี่ชายของพระนางมาทรี จึงมีศักดิ์เป็นลุงของเหล่าปาณฑพ แต่เนื่องจากก่อนที่จะเกิดสงคราม ทางทุรโยธน์ได้วางแผนไปเชิญตัวท้าวศัลยะมาเข้าร่วมฝ่ายตนเองก่อน เหตุการณ์จึงกลับกลายเป็นว่าท้าวศัลยะเผลอตกลงเข้าร่วมสงครามกับฝ่ายเการพ เพื่อสู้กับปาณฑพหลานๆ ของตนเอง ท้าวศัลยะได้ชื่อว่าเป็นสารถีที่เก่งกาจที่สุดเป็นรองแค่กฤษณะเท่านั้น
"สุดยอดนักรบแห่งฝั่งเการพ"
ภูริศรวัสเข้าร่วมสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรในฝ่ายเการพ ในวันที่ 5 ของสงคราม ภูริศรวัสได้ฆ่าบุตรชายทั้งสิบของสาตยกี และในวันที่ 14 ระหว่างที่ภูริศรวัสทำหน้าที่ป้องกันชัยทรัถอยู่นั้น สาตยกีได้มาท้ารบ ต่างฝ่ายต่างสู้รบกันจนอาวุธพังทั้งคู่ จึงสู้กันต่อด้วยมือเปล่า สาตยกีถูกภูริศรวัสอัดจนสลบไป ในระหว่างที่ภูริศรวัสกำลังจะตัดคอของสาตยกีที่สลบไสลไม่ได้สติ อรชุนก็เข้ามาแทรกและยิงธนูตัดมือของภูริศรวัสทิ้ง อรชุนด่าว่าภูริศรวัสเรื่องที่ทำร้ายคนที่ไม่ได้สติ และเรื่องที่ฝ่ายเการพรุมกันฆ่าอภิมันยุ ภูริศรวัสรู้สึกสำนึกผิดจึงนั่งบำเพ็ญโยคะเพื่อหลุดพ้น ในจังหวะนั้นเองสาตยกีได้สติขึ้นมา จึงวิ่งมาตัดหัวของภูริศรวัสออกโดยที่อรชุนไม่ทันได้ห้ามปราม
"อาจารย์ประจำราชสำนักหัสตินาปุระ"
กฤปาจารย์เป็นอาจารย์ที่อยู่ในราชสำนักหัสตินาปุระ คอยสอนทั้งเหล่าเการพทั้ง 100 คนและปาณฑพก่อนที่โทรณาจารย์จะมา กฤปาจารย์เข้าร่วมสงครามอยู่ฝ่ายเการพและเป็นหนึ่งในสามคนผู้รอดชีวิตจากสงคราม
"ผู้สอนมนต์กับพระนางกุนตี"
ฤาษีทุรวาสได้ชื่อว่าเป็นฤาษีที่โมโหร้าย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฤาษีทุรวาสได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนที่แคว้นกุนตี และได้รับการปรนนิบัติอย่างดีจากพระนางกุนตี จนฤาษีรู้ด้วยญาณว่าในอนาคตพระนางกุนตีจะไม่สามารถมีบุตรได้ จึงได้สอนมนต์วิเศษให้พระนางกุนตีสามารถเชิญเทวดามาประทานบุตรได้ จึงเป็นที่มาของต้นกำเนิด กรรณะและเหล่าภารดาปาณฑพ
"ผู้บัญชาการรบของกองทัพพระกฤษณะ"
กฤตวรมันเป็นหัวหน้ากองทัพนารายัน ของกฤษณะ เมื่อครั้งที่ทุรโยธน์เลือกกองทัพนารายันเข้าร่วมฝ่ายตนเอง กฤตวรมันก็เข้าร่วมรบฝ่ายเการพด้วย กฤตวรมันเป็นหนึ่งในสามคนของฝั่งเการพที่รอดชีวิตในสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร และได้ร่วมกับกฤปาจารย์ และอัศวัตถามาลอบเข้าค่ายของปาณฑพสังหารคนไปมากมาย
"นางนาคผู้เป็นภรรยาอีกคนของอรชุน"
ในครั้งที่อรชุนต้องออกเดินทางท่องป่า 1 ปีเนื่องจากผิดสัญญาในการใช้ชีวิตร่วมกันกับพี่น้องปาณฑพ ระหว่างเดินทางอรชุนได้พบกับนางนาคอุลูปี และได้เป็นสามีภรรยากันมีลูก 1 คนชื่ออิราวัต นางอุลูปีรู้ด้วยญาณว่าในอนาคตอรชุนจะต้องถูกลูกชายตนเองที่ชื่อ พภรุวาหนะ ฆ่าเนื่องจากความเข้าใจผิด นางจึงเดินทางไปเพื่อชุบชีวิตให้อรชุนกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม
"เมื่อความรักชนะทุกสิ่ง"
เมื่อครั้งที่ปาณฑพหนีรอดจากการวางเพลิงที่เมืองวาราณาวัต ได้หลงเดินทางเข้าเขตของหิทิมพะโดยไม่รู้ตัว หิทิมพีรับคำสั่งจากหิทิมพะพี่ชายเพื่อไปจับตัวพวกปาณฑพมา แต่เมื่อนางได้เจอกับภีมะก็รู้สึกชอบ นางจึงปฏิเสธที่จะจับตัวพวกปาณฑพให้กับหิทิมพะ จนท้ายที่สุดหิทิมพะก็ต่อสู้กับภีมะและถูกภีมะฆ่าตาย หิทิมพีมีลูกกับภีมะ 1 คนชื่อ ฆโฏตกัจ และได้สัญญากับภีมะว่าเมื่อใดที่ภีมะต้องการจะส่งฆโฏตกัจไปช่วยเหลือในทันที
"นางอัปสรผู้สาปให้อรชุนเป็นกระเทย"
เมื่อครั้งที่อรชุนรบชนะพระอินทร์ พระอินทร์ผู้เป็นบิดาของอรชุนดีใจในความเก่งกาจของอรชุน จึงพาตัวอรชุนมาท่องเที่ยวบนสวรรค์ อรชุนอยู่บนสวรรค์ได้เรียนรู้วิชามากมาย ในคืนหนึ่งนางอัปสรชื่ออุรวศีก็เข้าหาอรชุนเพื่อมีสัมพันธ์ด้วย แต่อรชุนไม่ยอมเนื่องจากบรรพบุรุษของอรชุนเคยแต่งงานกับนางอุรวศี อรุวศีโกรธมากจึงสาปให้อรชุนเป็นกระเทยไปตลอดชีวิต แต่พระอินทร์เมื่อทราบเรื่องก็ขอให้นางอุรวศีลดคำสาปลงเหลือแค่เป็นกระเทยเพียง 1 ปี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการซ่อนตัวของอรชุนในปีที่ 13 ของการเนรเทศ
"ศิษย์ผู้บูชาโทรณาจารย์เป็นยิ่งยวด"
ในช่วงที่โทรณาจารย์สอนเหล่าปาณฑพนั้น เอกลัพย์เดินทางมาขอให้โทรณาจารย์สอนให้ตนด้วย แต่โทรณาจารย์ไม่ยอมรับ เอกลัพย์จึงต้องผิดหวังกลับไป ด้วยความรักและศรัทธาในโทรณาจารย์เป็นอย่างยิ่ง เอกลัพย์จึงปั้นหุ่นรูปเหมือนโทรณาจารย์จากดินเผาและกราบไหว้เคารพทุกวันก่อนที่จะฝึกวิชา วันหนึ่งอรชุนและโทรณาจารย์เดินทางผ่านเห็นฝีมือเอกลัพย์ก้าวหน้าเกินกว่าอรชุน เป็นที่น่าตกใจยิ่งนัก อรชุนจึงตำหนิโทรณาจารย์ว่าทำไม่ถูกต้องที่แอบสอนวิชาให้คนอื่นเก่งกว่าตน โทรณาจารย์เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ จึงพูดคุยกับเอกลัพย์ว่า ในเมื่อตนเป็นอาจารย์ก็สามารถร้องขอสิ่งใดก็ได้จากศิษย์ผู้สำเร็จวิชา เมื่อเป็นเช่นนั้นโทรณาจารย์จึงขอนิ้วโป้งด้านขวาจากเอกลัพย์ เอกลัพย์ก็รับปากและตัดนิ้วโป้งยื่นให้โทรณาจารย์ในทันที นับจากนี้ไปเอกลัพย์ก็ไม่สามารถยิงธนูได้อีก อรชุนก็หมดคู่แข่งในชีวิตไปอีกหนึ่งคน
"ยักษ์ที่มาเข้าร่วมรบในฝ่ายเการพเพื่อแก้แค้นให้หิทิมพะ"
อลัมภูษาเป็นยักษ์ที่เป็นน้องชายของหิทิมพะ เมื่อหิทิมพะถูกภีมะฆ่าตาย อลัมภูษาก็แค้นใจเป็นอย่างมาก ในสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรอลัมภูษาจึงเข้าร่วมกับฝั่งเการพเพื่อตั้งใจจะฆ่าภีมะเป็นพิเศษ ในการรบในวันที่ 8 อลัมภูษาได้ฆ่าอิราวัต ซึ่งเป็นลูกของอรชุนกับนาคอุลูปี และในคืนวันที่ 14 อลัมภูษาก็ตายด้วยน้ำมือของฆโฏตกัจ ลูกชายของภีมะที่เกิดกับนางยักษ์หิทิมพี
"เจ้าของเมืองที่ปาณฑพไปพักพิงอาศัย"
ในช่วงปีที่ 13 ของการเนรเทศเหล่าปาณฑพมีเงื่อนไขว่าจะต้องหลบซ่อนไม่ให้ใครเจอตัว เหล่าปาณฑพจึงปลอมตัวแล้วเข้าไปอาศัยในราชสำนักของท้าววิราฏ เมื่อเวลาผ่านไปความจริงเปิดเผย ท้าววิราฏตกใจมากที่ผู้มีบุญอย่างปาณฑพมาอาศัยอยู่กับตนเอง ท้าววิราฏได้ยกเจ้าหญิงอุตตราให้แต่งงานกับอภิมันยุ โอรสของอรชุน และยังเข้าร่วมสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรในฝ่ายปาณฑพอีกด้วย
"เจ้าชายผู้มีทุกอย่างยกเว้นความกล้าหาญ"
เจ้าชายอัตราเป็นโอรสของท้าววิราฏ เมื่อครั้งที่กองทัพเการพยกทัพมาตีเมือง เจ้าชายอัตรารับอาสานำกองกำลังไปต้าน โดยมีอรชุนในร่างของกระเทยชื่อพฤหันนลาเป็นสารถี แต่พอเจ้าชายอัตราได้เห็นกองทัพของเการพที่นำโดยท้าวภีษมะผู้ยิ่งใหญ่ก็เกิดความกลัว ไม่กล้าจะรบด้วยและอยากหนีกลับเมือง ท้ายที่สุดต้องให้พฤหันนลารบแทน โดยที่เจ้าชายอัตราสลับหน้าที่มาเป็นสารถีแทน
"ยักษ์ดุร้ายที่คอยกินคนที่ผ่านดินแดนของมัน"
หิทิมพะเป็นยักษ์ที่คอยดักกินคนที่เดินทางผ่านดินแดนของมัน เมื่อเหล่าปาณฑพหนีตายจากการถูกวางเพลิงที่เมืองวาราณาวัต ก็เดินทางไกลมาพักผ่อนอยู่ที่อาณาเขตของหิทิมพะ เมื่อหิทิมพะรู้ว่ามีเหยื่อเข้ามาในอาณาเขต ก็สั่งให้น้องสาวที่ชื่อหิทิมพี ไปจับตัวพวกปาณฑพมาให้หมด แต่เมื่อหิทิมพีเจอกับภีมะก็หลงรักและไม่ยอมทำตามคำสั่ง ท้ายที่สุดหิทิมพะต้องสู้กับภีมะและถูกภีมะฆ่าตาย
"ภรรยาหม้ายของอภิมันยุ"
เจ้าหญิงอุตตรา เป็นพระธิดาของท้าววิราฏ ในปีที่ 13 ที่ปาณฑพต้องซ่อนตัวจากฝ่ายเการพ อรชุนได้ปลอมตัวเป็นกระเทยชื่อพฤหันนลา สมัครเป็นครูสอนเต้นรำให้เจ้าหญิงอุตตรา เมื่อทุกอย่างเปิดเผย เจ้าหญิงอุตตราก็ได้แต่งงานกับอภิมันยุ โอรสของอรชุน
"สารถีผู้ถ่ายทอดสดสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร"
สัญชัยเป็นสารถีคนสนิทของท้าวธฤตราษฏร์ เนื่องด้วยท้าวธฤตราษฏร์ตาบอด ฤาษีวยาสเห็นใจจึงให้พรสัญชัยให้สามารถมองเห็นได้ทั่วทุกส่วนของสงคราม เพื่อนำความมาเล่าให้ท้าวธฤตราษฏร์ฟังได้ครบถ้วน