"บุรุษผู้เกิดมาเพื่อฆ่าโทรณาจารย์"
ธฤษฏะทยุมันเป็นโอรสของท้าวทรุปัท ซึ่งเกิดจากการที่ท้าวทุรปัททำพิธีขอบุตร ธฤษฏะทยุมันเข้าร่วมสงครามในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่ายปาณฑพ และในวันที่ 15 ของสงคราม ธฤษฏะทยุมันก็ได้ฆ่าโทรณาจารย์ได้สำเร็จ หลังจากทุรโยธน์ตายและจบสงครามในวันที่ 18 อัศวัตถามาลูกชายของโทรณาจารย์ได้แอบเข้าค่ายพักของธฤษฏะทยุมันและใช้เชือกรัดคอธฤษฏะทยุมันเพื่อล้างแค้นให้บิดาของตน
"ผู้รจนามหาภารตะ"
ในตอนที่ฤาษีวยาสต้องการจะรจนาเรื่องราวของมหากาพย์มหาภารตะนี้ขึ้น แต่ยังขาดผู้ที่จะคอยจดบันทึกให้ พระพรหมจึงแนะนำว่า พระคเณศ ซึ่งเป็นผู้มีปัญญา และสามารถเขียนได้อย่างรวดเร็ว โดยการนี้ฤาษีวยาสจึงเดินทางไปขอให้พระคเณศช่วยเหลือ พระคเณศตอบรับ และวางเงื่อนไขไว้ข้อหนึ่งว่า"เมื่อใดก็ตามที่ข้าพเจ้าลงมือเขียน ท่านจะต้องบอกเล่าโดยไม่สามารถหยุดได้" ฤาษีวยาสจึงรับคำ โดยบอกว่า "สิ่งที่พระคเณศจดนั้น จะต้องเข้าใจเสียก่อน" นั้นจึงทำให้ฤาษีวยาสมีเวลาพัก ระหว่างที่พระคเณศพยายามทำความเข้าในใจเรื่องราวบางช่วงบางตอนที่ดูจะยาก และซับซ้อน
ฤาษีวยาสเป็นลูกชายของพระนางสัตยวดีกับฤาษีปราศร เมื่อครั้งที่ท้าวภีษมะมีปัญหาเรื่องขาดผู้ดูแลบัลลังค์ของหัสตินาปุระก็ได้จัดพิธีนิโยคโดยมีฤาษีวยาสมาทำพิธีให้ ฤาษีวยาสปรากฏตัวในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ และช่วยให้เรื่องราวที่ยุ่งเหยิงเหมือนไร้ทางออกสามารถผ่านไปได้ด้วยดี และยังเป็นผู้เล่าเรื่องมหาภาระให้พระพิฆเนศวรเป็นผู้จดบันทึกไว้อีกด้วย
"จากเพื่อนรัก กลายเป็นแค้นชั่วชีวิต"
สมัยเด็กท้าวทรุปัทเรียนอยู่ที่เดียวกับโทรณาจารย์ ทั้งสองสนิทกันมาก ก่อนที่จะเรียนจบและแยกย้ายกันไปท้าวทรุปัทได้ให้สัญญากับโทรณาจารย์ว่าเมื่อใดที่ตกระกำลำบากให้ไปหาได้ทันที เมื่อผ่านเวลาไปประมาณหนึ่ง โทรณาจารย์มีภรรยาและลูก มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นมาก จึงนึกถึงคำสัญญาที่ท้าวทรุปัทเคยให้ไว้ตอนยังเด็ก แต่เมื่อบากหน้าไปพบท้าวทรุปัท ทุกอย่างกลับตาลปัตร ท้าวทรุปัทนึกรังเกียจและไม่ยอมต้องรับโทรณาจารย์ โทรณาจารย์เก็บความแค้นเอาไว้ในใจ เดินทางไปราชสำนักหัสตินาปุระและพร่ำสอนเหล่าเด็กเการพและปาณฑพ เมื่อสำเร็จวิชาโทรณาจารย์ก็ขอให้เการพและปาณฑพยกทัพมายึดเมืองของท้าวทรุปัท ท้าวทรุปัทรบแพ้กองทัพของอรชุนก็นึกเสียใจว่าทำไมเราถึงไม่มีโอรสที่เก่งกาจเช่นอรชุนบ้าง จึงได้ทำพิธีขอลูกเพื่อให้เกิดมาล้างแค้นแทนตน ท้าวทรุปัทถูกโทรณาจารย์ฆ่าตายในการรบที่ทุ่งกุรุเกษตรในวันที่ 15
"พี่ชายของกฤษณะผู้เกลียดความอยุติธรรม"
พลรามเป็นพี่ชายของกฤษณะ และปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรในฝั่งใด ในวันที่ 18 เมื่อภีมะประลองกับทุรโยธน์ ภีมะได้ใช่คฑาฟาดไปที่ต้นขาของทุรโยธน์จนถึงแก่ความตาย พลรามโกรธมากเนื่องจากผิดจากข้อตกลงในการสู้ จนถึงขั้นจะใช้คันไถเข้าฟาดภีมะ แต่กฤษณะห้ามไม้โดยให้เหตุผลว่าฝั่งทุรโยธน์ทำผิดกติกามาตลอด
"คุณลุงผู้เข้าร่วมสงครามสู้กับหลานตนเอง"
ท้าวศัลยะเป็นพี่ชายของพระนางมาทรี จึงมีศักดิ์เป็นลุงของเหล่าปาณฑพ แต่เนื่องจากก่อนที่จะเกิดสงคราม ทางทุรโยธน์ได้วางแผนไปเชิญตัวท้าวศัลยะมาเข้าร่วมฝ่ายตนเองก่อน เหตุการณ์จึงกลับกลายเป็นว่าท้าวศัลยะเผลอตกลงเข้าร่วมสงครามกับฝ่ายเการพ เพื่อสู้กับปาณฑพหลานๆ ของตนเอง ท้าวศัลยะได้ชื่อว่าเป็นสารถีที่เก่งกาจที่สุดเป็นรองแค่กฤษณะเท่านั้น
"สุดยอดนักรบแห่งฝั่งเการพ"
ภูริศรวัสเข้าร่วมสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรในฝ่ายเการพ ในวันที่ 5 ของสงคราม ภูริศรวัสได้ฆ่าบุตรชายทั้งสิบของสาตยกี และในวันที่ 14 ระหว่างที่ภูริศรวัสทำหน้าที่ป้องกันชัยทรัถอยู่นั้น สาตยกีได้มาท้ารบ ต่างฝ่ายต่างสู้รบกันจนอาวุธพังทั้งคู่ จึงสู้กันต่อด้วยมือเปล่า สาตยกีถูกภูริศรวัสอัดจนสลบไป ในระหว่างที่ภูริศรวัสกำลังจะตัดคอของสาตยกีที่สลบไสลไม่ได้สติ อรชุนก็เข้ามาแทรกและยิงธนูตัดมือของภูริศรวัสทิ้ง อรชุนด่าว่าภูริศรวัสเรื่องที่ทำร้ายคนที่ไม่ได้สติ และเรื่องที่ฝ่ายเการพรุมกันฆ่าอภิมันยุ ภูริศรวัสรู้สึกสำนึกผิดจึงนั่งบำเพ็ญโยคะเพื่อหลุดพ้น ในจังหวะนั้นเองสาตยกีได้สติขึ้นมา จึงวิ่งมาตัดหัวของภูริศรวัสออกโดยที่อรชุนไม่ทันได้ห้ามปราม
"อาจารย์ประจำราชสำนักหัสตินาปุระ"
กฤปาจารย์เป็นอาจารย์ที่อยู่ในราชสำนักหัสตินาปุระ คอยสอนทั้งเหล่าเการพทั้ง 100 คนและปาณฑพก่อนที่โทรณาจารย์จะมา กฤปาจารย์เข้าร่วมสงครามอยู่ฝ่ายเการพและเป็นหนึ่งในสามคนผู้รอดชีวิตจากสงคราม
"ผู้สอนมนต์กับพระนางกุนตี"
ฤาษีทุรวาสได้ชื่อว่าเป็นฤาษีที่โมโหร้าย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฤาษีทุรวาสได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนที่แคว้นกุนตี และได้รับการปรนนิบัติอย่างดีจากพระนางกุนตี จนฤาษีรู้ด้วยญาณว่าในอนาคตพระนางกุนตีจะไม่สามารถมีบุตรได้ จึงได้สอนมนต์วิเศษให้พระนางกุนตีสามารถเชิญเทวดามาประทานบุตรได้ จึงเป็นที่มาของต้นกำเนิด กรรณะและเหล่าภารดาปาณฑพ
"ผู้บัญชาการรบของกองทัพพระกฤษณะ"
กฤตวรมันเป็นหัวหน้ากองทัพนารายัน ของกฤษณะ เมื่อครั้งที่ทุรโยธน์เลือกกองทัพนารายันเข้าร่วมฝ่ายตนเอง กฤตวรมันก็เข้าร่วมรบฝ่ายเการพด้วย กฤตวรมันเป็นหนึ่งในสามคนของฝั่งเการพที่รอดชีวิตในสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร และได้ร่วมกับกฤปาจารย์ และอัศวัตถามาลอบเข้าค่ายของปาณฑพสังหารคนไปมากมาย
"นางนาคผู้เป็นภรรยาอีกคนของอรชุน"
ในครั้งที่อรชุนต้องออกเดินทางท่องป่า 1 ปีเนื่องจากผิดสัญญาในการใช้ชีวิตร่วมกันกับพี่น้องปาณฑพ ระหว่างเดินทางอรชุนได้พบกับนางนาคอุลูปี และได้เป็นสามีภรรยากันมีลูก 1 คนชื่ออิราวัต นางอุลูปีรู้ด้วยญาณว่าในอนาคตอรชุนจะต้องถูกลูกชายตนเองที่ชื่อ พภรุวาหนะ ฆ่าเนื่องจากความเข้าใจผิด นางจึงเดินทางไปเพื่อชุบชีวิตให้อรชุนกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม
"เมื่อความรักชนะทุกสิ่ง"
เมื่อครั้งที่ปาณฑพหนีรอดจากการวางเพลิงที่เมืองวาราณาวัต ได้หลงเดินทางเข้าเขตของหิทิมพะโดยไม่รู้ตัว หิทิมพีรับคำสั่งจากหิทิมพะพี่ชายเพื่อไปจับตัวพวกปาณฑพมา แต่เมื่อนางได้เจอกับภีมะก็รู้สึกชอบ นางจึงปฏิเสธที่จะจับตัวพวกปาณฑพให้กับหิทิมพะ จนท้ายที่สุดหิทิมพะก็ต่อสู้กับภีมะและถูกภีมะฆ่าตาย หิทิมพีมีลูกกับภีมะ 1 คนชื่อ ฆโฏตกัจ และได้สัญญากับภีมะว่าเมื่อใดที่ภีมะต้องการจะส่งฆโฏตกัจไปช่วยเหลือในทันที
"นางอัปสรผู้สาปให้อรชุนเป็นกระเทย"
เมื่อครั้งที่อรชุนรบชนะพระอินทร์ พระอินทร์ผู้เป็นบิดาของอรชุนดีใจในความเก่งกาจของอรชุน จึงพาตัวอรชุนมาท่องเที่ยวบนสวรรค์ อรชุนอยู่บนสวรรค์ได้เรียนรู้วิชามากมาย ในคืนหนึ่งนางอัปสรชื่ออุรวศีก็เข้าหาอรชุนเพื่อมีสัมพันธ์ด้วย แต่อรชุนไม่ยอมเนื่องจากบรรพบุรุษของอรชุนเคยแต่งงานกับนางอุรวศี อรุวศีโกรธมากจึงสาปให้อรชุนเป็นกระเทยไปตลอดชีวิต แต่พระอินทร์เมื่อทราบเรื่องก็ขอให้นางอุรวศีลดคำสาปลงเหลือแค่เป็นกระเทยเพียง 1 ปี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการซ่อนตัวของอรชุนในปีที่ 13 ของการเนรเทศ
"ศิษย์ผู้บูชาโทรณาจารย์เป็นยิ่งยวด"
ในช่วงที่โทรณาจารย์สอนเหล่าปาณฑพนั้น เอกลัพย์เดินทางมาขอให้โทรณาจารย์สอนให้ตนด้วย แต่โทรณาจารย์ไม่ยอมรับ เอกลัพย์จึงต้องผิดหวังกลับไป ด้วยความรักและศรัทธาในโทรณาจารย์เป็นอย่างยิ่ง เอกลัพย์จึงปั้นหุ่นรูปเหมือนโทรณาจารย์จากดินเผาและกราบไหว้เคารพทุกวันก่อนที่จะฝึกวิชา วันหนึ่งอรชุนและโทรณาจารย์เดินทางผ่านเห็นฝีมือเอกลัพย์ก้าวหน้าเกินกว่าอรชุน เป็นที่น่าตกใจยิ่งนัก อรชุนจึงตำหนิโทรณาจารย์ว่าทำไม่ถูกต้องที่แอบสอนวิชาให้คนอื่นเก่งกว่าตน โทรณาจารย์เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ จึงพูดคุยกับเอกลัพย์ว่า ในเมื่อตนเป็นอาจารย์ก็สามารถร้องขอสิ่งใดก็ได้จากศิษย์ผู้สำเร็จวิชา เมื่อเป็นเช่นนั้นโทรณาจารย์จึงขอนิ้วโป้งด้านขวาจากเอกลัพย์ เอกลัพย์ก็รับปากและตัดนิ้วโป้งยื่นให้โทรณาจารย์ในทันที นับจากนี้ไปเอกลัพย์ก็ไม่สามารถยิงธนูได้อีก อรชุนก็หมดคู่แข่งในชีวิตไปอีกหนึ่งคน
"ยักษ์ที่มาเข้าร่วมรบในฝ่ายเการพเพื่อแก้แค้นให้หิทิมพะ"
อลัมภูษาเป็นยักษ์ที่เป็นน้องชายของหิทิมพะ เมื่อหิทิมพะถูกภีมะฆ่าตาย อลัมภูษาก็แค้นใจเป็นอย่างมาก ในสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรอลัมภูษาจึงเข้าร่วมกับฝั่งเการพเพื่อตั้งใจจะฆ่าภีมะเป็นพิเศษ ในการรบในวันที่ 8 อลัมภูษาได้ฆ่าอิราวัต ซึ่งเป็นลูกของอรชุนกับนาคอุลูปี และในคืนวันที่ 14 อลัมภูษาก็ตายด้วยน้ำมือของฆโฏตกัจ ลูกชายของภีมะที่เกิดกับนางยักษ์หิทิมพี
"เจ้าของเมืองที่ปาณฑพไปพักพิงอาศัย"
ในช่วงปีที่ 13 ของการเนรเทศเหล่าปาณฑพมีเงื่อนไขว่าจะต้องหลบซ่อนไม่ให้ใครเจอตัว เหล่าปาณฑพจึงปลอมตัวแล้วเข้าไปอาศัยในราชสำนักของท้าววิราฏ เมื่อเวลาผ่านไปความจริงเปิดเผย ท้าววิราฏตกใจมากที่ผู้มีบุญอย่างปาณฑพมาอาศัยอยู่กับตนเอง ท้าววิราฏได้ยกเจ้าหญิงอุตตราให้แต่งงานกับอภิมันยุ โอรสของอรชุน และยังเข้าร่วมสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตรในฝ่ายปาณฑพอีกด้วย
"เจ้าชายผู้มีทุกอย่างยกเว้นความกล้าหาญ"
เจ้าชายอัตราเป็นโอรสของท้าววิราฏ เมื่อครั้งที่กองทัพเการพยกทัพมาตีเมือง เจ้าชายอัตรารับอาสานำกองกำลังไปต้าน โดยมีอรชุนในร่างของกระเทยชื่อพฤหันนลาเป็นสารถี แต่พอเจ้าชายอัตราได้เห็นกองทัพของเการพที่นำโดยท้าวภีษมะผู้ยิ่งใหญ่ก็เกิดความกลัว ไม่กล้าจะรบด้วยและอยากหนีกลับเมือง ท้ายที่สุดต้องให้พฤหันนลารบแทน โดยที่เจ้าชายอัตราสลับหน้าที่มาเป็นสารถีแทน
"ยักษ์ดุร้ายที่คอยกินคนที่ผ่านดินแดนของมัน"
หิทิมพะเป็นยักษ์ที่คอยดักกินคนที่เดินทางผ่านดินแดนของมัน เมื่อเหล่าปาณฑพหนีตายจากการถูกวางเพลิงที่เมืองวาราณาวัต ก็เดินทางไกลมาพักผ่อนอยู่ที่อาณาเขตของหิทิมพะ เมื่อหิทิมพะรู้ว่ามีเหยื่อเข้ามาในอาณาเขต ก็สั่งให้น้องสาวที่ชื่อหิทิมพี ไปจับตัวพวกปาณฑพมาให้หมด แต่เมื่อหิทิมพีเจอกับภีมะก็หลงรักและไม่ยอมทำตามคำสั่ง ท้ายที่สุดหิทิมพะต้องสู้กับภีมะและถูกภีมะฆ่าตาย
"ภรรยาหม้ายของอภิมันยุ"
เจ้าหญิงอุตตรา เป็นพระธิดาของท้าววิราฏ ในปีที่ 13 ที่ปาณฑพต้องซ่อนตัวจากฝ่ายเการพ อรชุนได้ปลอมตัวเป็นกระเทยชื่อพฤหันนลา สมัครเป็นครูสอนเต้นรำให้เจ้าหญิงอุตตรา เมื่อทุกอย่างเปิดเผย เจ้าหญิงอุตตราก็ได้แต่งงานกับอภิมันยุ โอรสของอรชุน
"สารถีผู้ถ่ายทอดสดสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร"
สัญชัยเป็นสารถีคนสนิทของท้าวธฤตราษฏร์ เนื่องด้วยท้าวธฤตราษฏร์ตาบอด ฤาษีวยาสเห็นใจจึงให้พรสัญชัยให้สามารถมองเห็นได้ทั่วทุกส่วนของสงคราม เพื่อนำความมาเล่าให้ท้าวธฤตราษฏร์ฟังได้ครบถ้วน
"ผู้ที่ล่วงเกินกฤษณะได้ถึง 100 ครั้ง"
ตอนที่ท้าวศิศุปาละเพิ่งเกิด ปรากฏว่ามีสามตาสี่แขน จนเกือบถูกนำไปทิ้ง แต่มีเสียงสวรรค์บอกว่า จะมีผู้ที่สามารถทำให้ท้าวศิศุปาละกลับเป็นปกติได้เมื่อพระบิดาได้นำท้าวศิศุปาละไปเยี่ยมเยียนกฤษณะในฐานะญาติ เมื่อท้าวศิศุปาละได้นั่งบนตักของกฤษณะก็เกิดปาฏิหาริย์ให้ท้าวศิศุปาละกลับกลายเป็นคนปกติ พระบิดาจึงขอพรให้พระกฤษณะให้อภัยท้าวศิศุปาละ 100 ครั้ง พระกฤษณะก็ให้ตามนั้น เมื่อท้าวศิศุปาละได้ขึ้นเป็นพระราชา กฤษณะก็ได้ชิงตัวพระนางรุกขมินี คู่หมั้นของท้าวศิศุปาละไป ทำให้ท้าวศิศุปาละโกรธแค้นมาก ในวันที่ปาณฑพได้ทำพิธีราสูญะ และมีกฤษณะเป็นประธานในพิธี ท้าวศิศุปาละได้ถือโอกาสด่าว่า ดูถูกกฤษณะเป็นอย่างมาก แต่กฤษณะก็ต้องอดทนตามสัญญาที่ให้ไว้ แต่พอครบ 100 ครั้ง กฤษณะก็เรียกจักรสุทัศน์มาตัดคอท้าวศิศุปาละจนตายในที่สุด
"เจ้าหญิงผู้ถูกอรชุนลักพาตัว"
เจ้าหญิงสุภัทรา เป็นน้องสาวของกฤษณะ เมื่อครั้งที่อรชุนต้องเดินทางตามข้อตกลงที่ให้ไว้ กับพี่น้องปาณฑพ ก็ได้เดินทางไปอาศัยอยู่กับกฤษณะ ช่วงเวลาหนึ่ง เมื่ออรชุนได้เห็นเจ้าหญิงสุภัทราก็ตกหลุมรัก ในทันที อรชุนปรึกษากับกฤษณะ โดยที่กฤษณะแนะนำให้ อรชุนลักพาตัวเจ้าหญิงไป อรชุนก็ทำตาม ฝ่ายพลรามเมื่อรู้ ว่าเจ้าหญิงถูกอรชุนลักพาตัวไปก็พยายามติดตามช่วยเหลือ แต่ถูกกฤษณะห้ามเอาไว้ ท้ายที่สุดเลยตัดสินใจจัดพิธีสยุมพร ระหว่างเจ้าหญิงสุภัทรากับอรชุน
"ยักษ์ผู้ช่วยสร้างเมืองอินทรปรัศว์"
ในครั้งที่อรชุนเดินทางออกป่า ได้มีโอกาสได้ช่วยยักษ์ตนที่ชื่อว่า มายาสูร ให้รอดชีวิตจากการโดนพระอัคนีเผาป่า มายาสูรจึงอาสาสร้างเมืองอินทรปรัศว์ ให้มีความสวยงามวิจิตรเฉกเช่นเทวดามาสร้างไว้
"ผู้สู้สุดใจเพื่อพระนางอัมพา"
ท้าวศาลวะและพระนางอัมพามีความรักใคร่กันอยู่ก่อนแล้ว ในงานสยุมพรพระนางอัมพาก็ตั้งใจจะเลือกท้าวศาลวะเป็นพระสวามี แต่เหตุการณ์ไม่เป็นดั่งที่คิด เนื่องจากท้าวภีษมะเดินทางเข้ามาปล้นเจ้าสาว แม้ว่าท้าวภีษมะจะมีชื่อเสียงทางด้านความเก่งกาจ แต่ท้าวศาลวะก็ยังเข้าไปต่อสู้ด้วย เพื่อไม่ให้ท้าวภีษมะนำตัวเจ้าสาวไป แต่ท้ายที่สุดก็พ่ายแพ้ให้แก่ท้าวภีษมะอยู่ดี
"พระนางผู้มีผิวกายหอม"
พระนางสัตยวดี เดิมเป็นลูกของชาวประมง แรกเริ่มเดิมทีพระนางสัตยวดี มีผิวกายที่เหม็นกลิ่นคาวปลา เพราะเกิดมาจากท้องของปลา มีอยู่วันหนึ่งได้พบฤาษีปราศร ฤาษีได้ช่วยกลิ่นกายพระนางเปลี่ยนเป็นกลิ่นหอม แต่แลกกับการที่พระนางต้องยอมมีสัมพันธ์ด้วย วันหนึ่งพระนางได้พบกับท้าวศานตนุ และตกหลุมรักกันและกัน ท้าวศานตนุต้องยอมรับเงื่อนไขของบิดาของพระนางสัตยวดีที่ จะต้องให้โอรสที่เกิดจากพระนางขึ้นครองราชสมบัติ แทนราชบุตรเทวพรต
"ท้ายที่สุดท้าวภีษมะ ก็ได้ปลดเปลื้องภาระที่แบกบนบ่าเสียที"
ในวันที่ 10 ของสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร เมื่อ [ศิขัณฑิน] เผชิญหน้ากับภีษมะทำให้ภีษมะวางอาวุธลง ไม่ยอมสู้กับ [ศิขัณฑิน] จึงเป็นโอกาสให้ [อรชุน] ยิงศรเพื่อปลิดชีวิตของท้าวภีษมะ
"[อรชุน] สาบานไว้ว่าจะฆ่าชัยทรัถให้ได้ภายในการรบวันที่ 14 เพื่อล้างแค้นให้ [อภิมันยุ]"
ในวันที่ 14 กองทัพเการพจัดกระบวนทัพอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันชัยทรัถจาก [อรชุน] จนแล้วจนเล่าใกล้จะสิ้นวัน ขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตก [อรชุน] ก็ไม่สามารถฆ่าชัยทรัถได้จนกระทั่งพระ [กฤษณะ] เรียกจักรสุทรรศน์มาบดบังพระอาทิตย์ทำให้กองทัพเการพเข้าใจผิดว่าหมดเวลาสู้รบแล้ว [อรชุน] จึงได้แผลงศรเพื่อตัดหัวของชัยทรัถออกจากร่าง
"อภิมันยุ ถูกรุมสังหารโดยแม่ทัพชื่อดังของฝ่ายเการพ อย่างโหดเหี้ยม"
ในวันที่ 13 ของสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร อภิมันยุนำกองทัพปาณฑพบุกกระบวรทัพจักรพยุหะ แต่ระหว่างบุกทะลวงไปเกิดท้าว [ชัยทรัถ] มาป้องกันทัพปาณฑพเอาไว้ ทำให้อภิมันยุติดอยู่ท่ามกลางวงล้อมของแม่ทัพฝ่ายเการพ และ [โทรณาจารย์] ผู้บัญชาการรบในวันนั้นก็สั่งให้แม่ทัพทั้งหลายรุมทำร้ายอภิมันยุจนถึงแก่ความตาย
ในช่วงสุดท้ายของชีวิต คำสาปก็กลับมาทำร้ายกรรณะจนพบจุดจบ"
ในวันที่ 17 ของสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร ในจังหวะที่คับขันรถม้าของกรรณะเกิดติดหล่ม ไม่สามารถไปต่อได้ [อรชุน] จึงอาศัยจังหวะนั้นยิงศรเพื่อฆ่า [กรรณะ] ซะ
"การตายของฆโฎตกัจ ทำให้ฝ่ายปาณฑพชนะศึก" ฆโฎตกัจถูก [กรรณะ] ใช้หอกวาสุวีศักติซึ่งได้รับจาก [พระอินทร์] ซึ่งใช้ได้ครั้งเดียวทำให้ไม่มีอาวุธที่จะเอาไว้สู้กับ [อรชุน] อีกต่อไป
"บทเพลงแห่งพระผู้เป็นเจ้า"
ในวันแรกของสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร [อรชุน] ไม่อาจตัดใจเริ่มสงครามได้ เนื่องจากฝ่ายเการพก็เป็นประหนึ่งญาติพี่น้อง พระ [กฤษณะ] จึงได้แสดงภควัตคีตา เพื่ออธิบายให้ [อรชุน] เข้าใจว่าต้องทำสงครามเพื่อความชอบธรรม
"รบเถิดอรชุน"
อรชุนเป็นลูกของพระอินทร์ที่ประทานให้พระนางกุนตี เป็นน้องชายของ [ยุธิษเฐียร] กับ [ภีมะ] และยังเป็นพี่ชายของ [นกุล] กับ [สหเทพ] เมื่อครั้งที่ได้เล่าเรียนกับ [โทรณาจารย์] ก็เป็นศิษย์ที่อาจารย์รักมากกว่าใคร เนื่องจากมีฝีมือการยิงธนูที่เก่งกาจ อรชุนไม่ถูกกับ [กรรณะ] เป็นพิเศษ ถึงขั้นที่ต่างฝ่ายต่างสาบานว่า จะฆ่าฝ่ายตรงข้ามเสียให้ได้ ก่อนเริ่มสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร อรชุนไม่สามารถตัดใจทำสงครามได้ เนื่องจากฝ่ายเการพก็เป็นเฉกเช่นญาติพี่น้อง จน [กฤษณะ] ต้องท่องบทสวดภควัตคีตา เพื่อเกลี้ยกล่อมให้อรชุนยอมทำสงครามเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม อรชุนเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่และในประวัติการรบไม่เคยแพ้ใครเลยสักครั้งเดียว
"สุริยะบุตร ผู้มีชะตากรรมที่แสนอาภัพ"
กรรณะเป็นบุตรที่พระนางกุนตี ได้รับประทานจากพระอาทิตย์ ในครั้งที่กรรณะเกิด มีเสื้อเกราะและตุ้มหูติดกายมาด้วย เมื่อพระนางกุนตี นำกรรณะไปทิ้งที่แม่น้ำ จนนายสารถีและนางราธา มาเก็บไปเลี้ยงจึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า ราธียะ หรือลูกของนางราธา กรรณะมีความเก่งกาจด้านวิชายิงธนูไม่แพ้อรชุน และโดยแท้จริงแล้วต้องถือว่ากรรณะ เป็นพี่ใหญ่ของภารดาปาณฑพ แต่ไม่มีใครรู้เรื่องนั้น ยกเว้นแต่พระกฤษณะ เท่านั้น กรรณะสนิทสนมกับทุรโยธน์ และตั้งตัวเป็นศัตรูกับภารดาปาณฑพทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอรชุน และเข้าร่วมสงครามในฝั่งเการพ
ในวันที่ 17 ของสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร กรรณะก็ถูกอรชุน ยิงศรอันชลิกะฆ่าตาย ในระหว่างที่ล้อรถติดหล่มโคลนอยู่
"มหาเทพย์ในร่างมนุษย์ ผู้ชี้นำของ [อรชุน]"
พระกฤษณะเป็นอวตารของพระวิศณุและ เป็นญาติฝ่ายมารดาของผ่ายปาณฑพ มีความสนิทสนมกับ [อรชุน] เป็นพิเศษ ในสงครามที่ทุ่งกุรุเกษตร พระกฤษณะให้คำสัญญาว่าจะไม่เข้าร่วมรบกับฝ่ายปาณฑพ แต่จะทำหน้าที่เป็นเพียงสารถีให้กับ [อรชุน] เท่านั้น ในระหว่างสงคราม ด้วยการชี้นำของพระกฤษณะ ทำให้ [อรชุน] ปราบแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของฝ่ายเการพ และชนะสงครามในที่สุด
"ทหารเอกของพระราม ผู้จำแลงเป็นธงรถศึกให้กับ [อรชุน]"
แท้จริงแล้ว หนุมานเป็นพี่ชายต่างมารดากับ [ภีมะ] เนื่องจากเป็นบุตรของพระพายทั้งคู่ วันหนึ่ง [ภีมะ] เดินทางเข้าป่า พบกับลิงแก่ตัวหนึ่งนอนขวางทางอยู่ และท้าทายให้ [ภีมะ] ยกหางมันขึ้น [ภีมะ] ทำอย่างไรก็ยกไม่ขึ้นจึงยอมแพ้ ลิงจึงกลายร่างเป็นหนุมาน และให้พร [ภีมะ] ว่า ตนจะจำแลงเป็นธงรถศึกของ [อรชุน] เพื่อช่วยเหลือกองทัพปาณฑพ เพราะที่ใดมีธงรูปหนุมาน ที่นั่นจะประสบชัยชนะ
"บิดาของ [ภีมะ] ผู้ประทานพละกำลังที่ไม่มีใครชนะได้"
พระนาง [กุนตี] เชิญพระพายมาประทานโอรสคนที่สอง เนื่องจากต้องการให้โอรสของพระองค์เพรียบพร้อมไปด้วย พละกำลัง
"บิดาของ [ยุธิษเฐียร] ผู้เป็นต้นแบบแห่งความเที่ยงธรรม"
ในครั้งที่ท้าว [ปาณฑุ] ถูกสาปให้ไม่สามารถมีลูกได้ ได้ขอให้พระนาง [กุนตี] ใช้มนต์เพื่อเรียกเทพมาประทาน โอรสให้ พระนาง [กุนตี] นึกถึงพระยมเป็นองค์แรก เนื่องจากต้องการให้โอรสของพระองค์เพรียบพร้อมไปด้วย ความเที่ยงธรรม
"พราหมณ์ผู้สาบานว่าจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกษัตริย์ทั้งโลกา"
ปรศุรามเป็นพราหมณ์ที่มีเรื่องกับกษัตริย์ และพกขวานคู่ใจไปตามฆ่ากษัตริย์ทั้งหมด หลงเหลือเอาไว้แค่เพียงราชินีและเชื้อพระวงศ์ที่เป็นเพศหญิง แม้จะเป็นแบบนั้น ปรศุรามก็ยังเป็นอาจารย์ผู้ประสาทวิชา ของ [ภีษมะ] , [โทรณาจารย์] และ [กรรณะ]
"เทพผู้ทำลายโลก"
พระศิวะเป็นหนึ่งในเทพสูงสุด ว่ากันว่าพระองค์มีตาที่สามที่กลางหน้าผาก เมื่อใดที่ตาที่สามเปิดออกมาจะบันดาลให้เกิดไฟบรรลัยกัลป์ เผาทำลายโลก พระศิวะเป็นผู้มอบ ศรปาศุปัต ให้ [อรชุน]
"บิดาของ [อรชุน] ผู้เป็นราชาแห่งเทวดาทั้งปวง"
เมื่อครั้งที่ [อรชุน] ช่วยพระอัคนีเผาป่าขาณฑวะปรัสถ์ [อรชุน] ต้องร่วมมือกับพระ [กฤษณะ] เพื่อรบกับพระอินทร์ และเหล่าเทวดา เมื่อ [อรชุน] รบชนะ พระอินทร์ได้พา [อรชุน] ไปเที่ยวที่สวรรค์ จนได้เรียนรู้วิชาและอาวุธวิเศษมากมาย พระอินทร์ทราบด้วยญาณว่า [อรชุน] ต้องสู่รบกับ [กรรณะ] ในอนาคต จึงปลอมตัวเป็นชายแก่ไปขอเสื้อเกราะจาก [กรรณะ] เพื่อให้ [กรรณะ] ไร้อุปกรณ์ป้องกันตัว แต่ก็หลงกล [กรรณะ] ทำให้ ต้องประทานหอกวาสุวีศักติ ที่สามารถใช้ได้ครั้งเดียวให้ [กรรณะ] ไป